นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (TPLAS) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ในปี 63 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% จากปีที่แล้ว โดยสัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหาร ถุงหูหิ้ว และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร ประมาณ 95% และในส่วนกล่องกระดาษบรรจุอาหาร ประมาณ 5%
ขณะเดียวกันยังได้ปรับกลยุทธ์แบบเชิงรุก ด้วยการเพิ่มไลน์ผลิตในส่วนของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่รักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีความครอบคลุมกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายเฉพาะบรรจุภัณฑ์ สำหรับบรรจุอาหาร ไว้ประมาณ 30 ล้านบาทและคาดว่าจะมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ส่วนภาพรวมของอุตสาหกรรมพลาสติกนั้น ต้องยอมรับว่า หลังจากที่ไทยประกาศงดใช้ถุงพลาสติกในช่วงต้นปี 63 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ในฐานะผู้ประกอบการรายหนึ่งในอุตสาหกรรม อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการ เพื่อเยียวยา หรือหาแผนรองรับเข้ามาทดแทน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากับกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดังกล่าวก่อนที่ธุรกิจจะปิดตัว เพราะกลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการประเภท SME
"โดยส่วนตัวมองว่า แม้จะมีการงดใช้ถุงพลาสติก แต่จะเป็นเฉพาะกลุ่มเท่านั้น เพราะมองว่าการใช้ถุงพลาสติก ยังมีความต้องการใช้ในกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่มีชีวิตจับจ่ายใช้สอยในตลาดสดมากกว่า เมื่อเทียบกับห้างสรรพสินค้า เพราะสินค้าบางประเทศ อาทิ อาหารสด หรือแม้แต่อาหารร้อน ยังจำเป็นต้องใช้ถุงพลาสติก ไม่ว่าจะเป็นถุงร้อน หรือถุงหูหิ้ว ดังนั้น จึงมองว่าถุงพลาสติกยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการพฤติกรรมผู้บริโภคโดยส่วนใหญ่ก็ยังคงมีความต้องการใช้อยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะสินค้าบางประเภทยังมีความจำเป็นต้องใช้ นอกจากว่าจะสามารถหาบรรจุภัณฑ์ใหม่เข้ามาทดแทน และไม่เป็นการผลักภาระ ให้ผู้บริโภค"นายธีระชัย กล่าว
ด้านนายอภิรัตน์ ธีระรุจินนท์ เลขานุการ ของ TPLAS กล่าวว่า ด้านการวางกลยุทธ์ในการดูแลการตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ ในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นทำการตลาดเชิงรุกต่อเนื่องในผลิตภัณฑ์กล่องกระดาษบรรจุอาหาร จากเยื่อไผ่ ภายใต้แบรนด์ "B-LEAF" โดยหลังจากที่ประสบความสำเร็จในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในล็อตแรก ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทเร่งทำตลาดในล็อตที่ 2 อีกจำนวน 800,000 กล่อง
พร้อมทั้งมีแผนในการสั่งอุปกรณ์เครื่องจักร เพื่อมาผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อมารองรับกับความต้องการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างแผนการศึกษาไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 1-2 ผลิตภัณฑ์ โดยเบื้องต้นคาดว่า จะสามารถได้ข้อสรุปภายในเร็วๆนี้
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ในรูปแบบบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษบรรจุอาหารนั้น บริษัทได้เริ่มทำการตลาดตั้งแต่ช่วงปลายปี 62 ซึ่งถือว่าได้การตอบรับที่ดีจากกลุ่มยี่ปั๊วอย่างมาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทสามารถเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ทันความต้องการในช่วงที่มีการประกาศลดใช้กล่องโฟม ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนปริมาณการจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษสำหรับบรรจุอาหารในปีนี้เพิ่มขึ้น