นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งงบลงทุนสำหรับการลงทุนธุรกิจใหม่ร่วมกับพันธมิตรในปีนี้ราว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนคล้ายกับการลงทุน Digital Venture ซึ่งเป็นการลงทุนด้านดิจิทัลที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพการดำเนินงานของธนาคารและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าของธนาคาร โดยที่ธนาคารจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในการลงทุนดังกล่าวอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
ขณะเดียวกันธนาคารยังมีความสนใจเข้าไปลงทุนในประเทศเมียนมาในการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างประเทศ (Subsidiary Bank) ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ธนาคารมองว่ามีความเหมาะสมในการเข้าไปขยายธุรกิจในเมียนมา โดยเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรธนาคารในเมียนมาที่ร่วมกับธนาคาร คือ ธนาคารเอยาวดี (AYA Bank) ซึ่งได้ทำ MOU ในสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อร่วมมือพัฒนาการชำระเงินข้ามพรมแดนและบริการโอนเงินระหว่างสองประเทศ
โดยที่ปัจจุบันธนาคารในเมียนมาได้เปิดกว้างให้มีพันธมิตรจากธนาคารต่างชาติเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพ ซึ่งมีโมเดลในการลงทุนที่หลากหลาย และธนาคารก็มีความสนใจและได้เข้าไปศึกษา พร้อมกับร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งปัจจุบันธนาคารมองว่าการลงทุนรูปแบบ Subsidiary Bank ผ่านพันธมิตรธนาคารท้องถิ่นในเมียนมา เป็นรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม เพราะใช้เงินลงทุนไม่สูงมากที่ 75-100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับการขอใบอนุญาตจัดตั้งสาขาเอง ซึ่งปัจจุบันธนาคารกลางเมียนมาได้เปิดโอกาสให้ธนาคารจากต่างชาติเข้ามาเจรจาและศึกษาที่จะเข้ามาลงทุนในธนาคารท้องถิ่นหลากหลายโมเดล
ขณะเดียวกันยังใช้เครือข่ายของธนาคารท้องถิ่นในการเข้าไปขยายฐานลูกค้าในเมียนมา และบริการลูกค้าชาวไทยที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาได้ ประกอบกับธนาคารสามารถเข้าไปดำเนินงานต่างๆได้อย่างอิสระมากกว่าการจัดตั้งสาขาเอง และสามารถนำระบบดิจิทัลของธนาคารและพันธมิตรเข้ามาร่วมผสานกันในการทำงานและให้บริการแก่ลูกค้าได้ โดยที่ปัจจุบันธนาคารอยู่ระหว่างการศึกษา และคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 63