หุ้น BJC ร่วงลง 2.91% มาที่ 41.75 บาท หรือลดลง 1.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 263.63 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.26 น. ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 43 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 43.75 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 41.50 บาท ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.60%
ช่วงบ่ายมีเว็บไซต์สื่อมวลชนแห่งหนึ่ง รายงานว่า นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ระบุว่า บริษัทมีความสนใจที่จะซื้อกิจการของ เทสโก้ โลตัส ในประเทศไทย เพื่อนำมาต่อยอดกิจการในกลุ่มค้าปลีกของบริษัทในเครือให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยได้ยื่นความจำนงค์เพื่อเข้าประมูลกิจการกิจการดังกล่าวแล้ว
ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า หาก BJC เข้าซื้อกิจการเทสโก้ โลตัส จะทำให้กลุ่มบริษัทมีจำนวนร้านค้าปลีกรวมเป็น 3,346 สาขา จากเดิมมี 1,379 สาขา และได้ผลบวกจากอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์สินค้ามากขึ้น รวมทั้ง Synergy ในการดำเนินงาน เนื่องจากมีธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน
จากงบการเงินของเทสโก้ ประเทศไทย (1 มี.ค.61-28 ก.พ.62) มีรายได้รวม 188,328 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,820 ล้านบาท เมื่อรวมกับ BJC จะทำให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 50% เป็นรายได้ 3.6 แสนล้านบาท และกำไร 1.45 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมต้นทุนการลงทุน รวมทั้งผลกระทบจากการเพิ่มทุน
จากรายงานข่าวมูลค่ากิจการเทสโก้ 10,000 ล้านเหรียญเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3 แสนล้านบาท ขณะที่ BJC มี EBITDA ปีละ 22,000 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 1.3 เท่า จึงมีแนวโน้มการเพิ่มทุน คาดว่าหุ้น BJC ยังถูกกดดันจากประเด็นดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อปี 2559 BJC เข้าซื้อกิจการบิ๊กซี ประมาณ 2 แสนล้านบาท โดยนำเงินมาจากการเพิ่มทุนและเงินกู้