นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นราว 10% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.7 พันล้านบาท หลังจากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน(PQI)แล้วเสร็จในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ในเดือน ต.ค.-ธ.ค.51 ให้เพิ่มขึ้น
โครงการ PQI จะมีผลทำให้ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นจาก 3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 6-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และมีปริมาณการกลั่นเพิ่มจากวันละ 6.5 หมื่นบาร์เรล เป็นวันละ 1 แสนบาร์เรล
ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่าจะได้เห็นรายได้ที่เติบโตอย่างชัดเจนในปี 52 โดย EBITDA จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 6 พันล้านบาท
นายปฏิภาณ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงาน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและต่อยอดธุรกิจเดิม หากมีการลงทุนจะใช้งบลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท และอาจหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนด้วย โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปภายในปีนี้
"ตอนนี้บางจากฯอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจใหม่ที่จะมาต่อยอดและกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจเดิม"นายปฏิภาณ กล่าว
นายปฏิภาณ กล่าวว่า ในอนาคตหากบริษัทมีความจำเป็นต้องลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 1 หมื่นล้านบาทก็เชื่อว่าจะมีกระแสเงินสดที่เพียงพอ โดยจะมาจากผลการดำเนินงาน และยังมีวงเงินกู้ที่สามารถขอกู้เพิ่มได้อีก เพราะปัจจุบันอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)ของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 0.5 เท่า
นายปฎิภาณ กล่าวว่า หากแผนงานต่างๆ เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ก็คาดว่า EBITDA ปรับเพิ่มเป็น 8.5 พันล้านบาทในปี 55
ทั้งนี้ ระหว่างรอให้โครงการ PQI แล้วเสร็จเรียบร้อยในปลายปีนี้ บริษัทได้ขยายตลาดส่งออกน้ำมันเตาชนิด FOVS (Fuel Oil Very Low Sulfur)เพิ่มเติมในประเทศญี่ปุ่นจากเดิมที่ส่งออกไปจีนเพียงแห่งเดียว ทำให้ปัจจุบันมียอดสั่งซื้อน้ำมันเตาเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 150 ล้านลิตร จากเดิม 110-120 ล้านลิตร และ ราคาจะเพิ่มอีก 30 เหรียญ/ตัน
ผู้บริหาร BCP ยังเปิดเผยอีกว่า ในวันที่ 10-11 มี.ค.นี้ บริษัทมีแผนเดินทางจะไปโรดโชว์ที่ประเทศอังกฤษ เนื่องจากขณะนี้มีนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นอยู่เพียง 6-7% หากมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาถือหุ้นเพิ่มเติมมากขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อบริษัท
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--