นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 เติบโต 20% หรือรายได้รวมอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท ถือเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวรายได้ของ WICE เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทที่ได้เข้าไปลงทุนขยายเครือข่ายโลจิสติกส์ก่อนหน้านี้ ทั้ง WICE Logistics (Singapore) Pte.Ltd. (WICE SG) ,WICE Logistics (Hong Kong) Ltd. (WICE HK), EUROASIA TOTAL LOGISTICS CO., LTD. (ETL), WICE Logistics (Shenzhen) Company Ltd. (WICE SZ) และ WICE Supply Chain Solutions มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการที่ดีของ WICE ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ในปี 63 จะมาจาก Air Freight จะอยู่ที่ 30% Sea Freight อยู่ที่ 30% Cross border อยู่ที่ 25% เพราะรายได้เพิ่มขึ้นเกินคาด หลังปีแรกรายได้แตะ 500 ล้านบาท จากเป้าหมาย 300 ล้านบาท และ Logistics อยู่ที่ 15%
ขณะที่แผนธุรกิจ 3 ปี (ปี 63-65) บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องจากเป้าหมายปี 63 ที่ 2,700 ล้านบาท เพิ่มเป็น 3,200 ล้านบาทในปี 64 และ 3,700 ล้านบาทในปี 65
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทวางแผนขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมที่หลากหลาย และอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีของประเทศ หรืออุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงค์จากภาครัฐ อาทิ อุตสาหกรรมการบิน (Aerospace) และสินค้านำเข้าธุรกิจค้าปลีก (Retail Market) เนื่องจากบริษัทเห็นความต้องการใช้บริการ โลจิสติกส์ของอุตสาหกรรมดังกล่าวมีปริมาณสูง จึงวางแนวทางเข้าไปรับงานขนส่ง เพื่อสร้างโอกาสใหม่และรายได้ให้กับธุรกิจ
ขณะเดียวกัน บริษัทจะมุ่งเน้นการเพิ่มความสามารถการทำกำไรให้สูงขึ้น โดยเตรียมปรับแนวทางการบริหารจัดการในธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ขนส่งข้ามพรมแดน (Cross - Border Transport Services) ภายใต้การบริหารงานของบริษัทเครือข่าย EUROASIA TOTAL LOGISTICS CO., LTD. (ETL) จากเดิมที่มีต้นทุนค่อนข้างสูง เพราะในปี 62 เป็นช่วงเริ่มต้นจัดตั้งบริษัท และสินค้าเที่ยวขากลับยังมีปริมาณไม่สูงมากนัก บริษัทจึงวางแผนลดต้นทุน และบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งขยายการให้บริการขนส่งสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และเพิ่มปริมาณสินค้าเที่ยวขากลับให้สูงขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถการทำกำไรดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทวางแผนจะขยายการให้บริการโลจิสติกส์ในครอบคลุมทุกรูปแบบ ทั้งการขนส่งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศในรูปแบบต่าง ๆ ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ผ่านการทำงานร่วมกันกับเครือข่ายสาขาของ WICE ทั้งหมด โดยมุ่งเน้นตลาดจีนเป็นหลัก ทั้งในฮ่องกง เซียงไฮ้ กวางโจว เซินเจิ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็กเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าว มีโอกาสย้ายฐานการผลิตมายังไทย ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่ WICE ได้วางกลยุทธ์เข้าไปขยายตลาดในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วก่อนหน้านี้ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งโลจิสติกส์ระหว่างประเทศของ WICE ในตลาดจีน ทำให้บริษัทมีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าในจีนมากขึ้น และมีโอกาสรับงานขนส่งขาไปและขากลับได้ ส่งผลให้มีปริมาณงานในจีนเพิ่มขึ้น
ด้านการดำเนินงานของ WICE Supply Chain Solutions บริษัทย่อย ให้บริการด้าน Supply Chain ครบวงจร ทั้งงานคลังสินค้า การกระจายสินค้า การขนส่งสินค้า (Equipment) ขนาดใหญ่ มีแนวโน้มที่ดี จากการขยายตัวของปริมาณงานบริหารจัดการคลังสินค้า และการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกออก (EEC) ประกอบกับผู้นำเข้าส่งออกในปัจจุบันหันมาใช้บริการในรูปแบบ Third Party Logistics มากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทมีพื้นที่ให้บริการคลังสินค้าจำนวน 1 แห่ง ขนาด 15,000 ตร.ม.
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างโครงข่ายพันธมิตรโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตร่วมกันในอนาคต ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากการงานบริการทางอากาศ (Air Freight) 35%, การขนส่งทางทะเล (Sea Freight) 30%, ขนส่งสินค้าข้ามชายแดน (Cross border) 19% , และงาน Logistics 16%
นายชูเดช กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 63 ไว้ราว 200 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ WICE SG อีก 30% จากปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 70% โดยกำหนดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2/63 ด้วยงบลงทุน 5.28 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เงินจากเงินทุนหมุนเวียน และเงินกู้บางส่วน ดังนั้น จะส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นมาอีก 30% และมีรายได้เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน WICE SG มีความสามารถการทำกำไรอยู่ที่ 2.50-3 ล้านเหรียญสิงคโปร์
นอกจากนี้ยังใช้ในการเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ขนส่งข้ามพรมแดน (Cross - Border Transport Services) เพราะธุรกิจขยายตัวเร็ว รวมไปถึงใช้ในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่เจรจาอยู่หลายรายซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียเพื่อเป็นการสร้างโครงข่ายพันธมิตรโลจิสติกส์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตร่วมกันในอนาคต
นายชูเดช กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 63 มองว่ามีแนวโน้มดีขึ้น แม้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่ชัดเจน แต่ก็เริ่มเห็นความคลี่คลายในบางเรื่องบ้างแล้ว ทั้งปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐฯ ม็อบฮ่องกง เงินบาทแข็งค่า และภาคการส่งออกชะลอตัว ภาวะการแข่งขันของธุรกิจโลจิสติกส์ที่สูงในปัจจุบัน ทำให้บริษัทมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การให้บริการอยู่ตลอดเวลา
"สิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน คือ บริษัทมีความหลากหลายของการให้บริการที่ครบวงจร เข้าใจความต้องการของลูกค้าเสมอ และยังมีข้อได้เปรียบจากการมีเครือข่ายโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมเชื่อมโยงสู่ประเทศต่าง ๆ เพื่อการกระจายความเสี่ยง ถือเป็นการยกระดับสู่การเป็นผู้นำโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชีย ในขณะเดียวกันเรายังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น โดยคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีอัตรากำไรสุทธิรวมที่ 5% นายชูเดช กล่าว
นายชูเดช กล่าวว่า ด้านผลการดำเนินงานในปี 62 บริษัทมีรายได้รวมใกล้เคียง 2,200 ล้านบาท หรือประมาณ 2,250 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้ แต่กำไรสุทธิอาจลดลงบ้าง ตามการลงทุนในธุรกิจ Cross border ที่มาก ประกอบกับผลกระทบจากสงครามการค้า ทำให้ปริมานการขนส่งของบริษัทลดลงเล็กน้อย และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเช่นกัน รวมถึงค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ผู้นำเข้า-ส่งออกมีการขนส่งลดลง