SABINA วางเป้า 5 ปี รายได้โตเฉลี่ยปีละ 7-10% แตะ 5 พันลบ.ในปี 67 เร่งปั๊มยอดขายช่องทางออนไลน์-รุกตลาดเวียดนาม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 21, 2020 12:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซาบีน่า (SABINA) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดแผนการดำเนินธุรกิจ 5 ปี (ปี 63-67) เติบโตเฉลี่ยปีละ 7-10% โดยวางเป้าหมายรายได้แตะในระดับ 5,000 ล้านบาทในปี 67 แบ่งเป็น เป้าหมายรายได้การขายจากช่องทางรีเทล (Retail) ผ่านเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าและซาบีน่า ช็อป 3,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60% ของรายได้จากการขายรวม รายได้จากช่องทางออนไลน์หรือ Non Store Retailing (NSR) 1,300 ล้านบาท คิดเป็น 26% รายได้จากการส่งออก (Export) ภายใต้แบรนด์ "ซาบีน่า" ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV อยู่ที่ 400 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8% และรายได้จากการรับผลิต (OEM) ให้กับลูกค้าในสหราชอาณาจักร ยุโรปและเอเชีย จะอยู่ที่ 300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6% ของรายได้ยอดขาย

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากแผน 5 ปี จะพบว่า สัดส่วนของรายได้ใน 4 ช่องทางหลักของซาบีน่า จะเปลี่ยนแปลงไป โดยยอดขายผ่านช่องทางรีเทล จะมีสัดส่วนลดลงจากงวด 9 เดือนแรกของปี 62 ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 78% ของรายได้ยอดขายรวม จะลดลงเหลือ 60% ขณะที่ช่องทางที่เติบโตขึ้น ได้แก่ ช่องทางออนไลน์ ที่เพิ่มสัดส่วนในโครงสร้างรายได้จาก 11% เป็น 26% เช่นเดียวกับช่องทางส่งออก ที่เติบโตจาก 3% เป็น 8% ส่วนสัดส่วนรายได้จาก OEM จะลดลงจาก 8% เหลือ 6% ซึ่งหมายถึงการเติบโตของรายได้จากการขายของซาบีน่าในช่วง 5 ปีนับจากนี้ จะถูกขับเคลื่อนด้วยช่องทางออนไลน์ และการส่งออกไปในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่พบว่า สินค้าซาบีน่าได้รับการตอบรับอย่างดีเกินกว่าคาดไว้

"จากเป้าหมายรายได้ที่ 5 พันล้านบาทในปี 67 เป็นความท้าทายของเราที่จะต้องผลักดันให้การเติบโตเฉลี่ยในแต่ละปีจะต้องอยู่ที่ 7-10% โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ที่ภายใน 5 ปีต้องเติบโตให้ได้ 305% หรือเฉลี่ยปีละ 25-30% และช่องทางส่งออก ที่ต้องเติบโต 410% ภายใน 5 ปี เฉลี่ยปีละ 30-35% ขณะที่ช่องทางรีเทลและช่องทาง OEM แม้ว่าสัดส่วนรายได้ในโครงสร้างหลักจะลดลง แต่ก็ต้องทำให้รายได้ใน 5 ปีนี้เติบโต 55% และ 3% ตามลำดับ ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่ใช่โจทย์ที่ง่ายในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้"นายบุญชัย กล่าว

นายบุญชัย กล่าวว่า บริษัทมีความมั่นใจว่า เป้าหมายดังกล่าวจะเป็นไปได้ตามแผนที่วางไว้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ นอกจากจะมาจากการที่บริษัทมุ่งเน้นการผลิตสินค้าชุดชั้นในคุณภาพ โดยใช้นวัตกรรมในการผลิตเข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้า และมีการนำเสนอชุดชั้นในคอลเลคชั่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายแล้ว บริษัทยังเน้นการพัฒนาช่องทางขาย โดยได้ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยส่งเสริมการตลาดและการขายทดแทนระบบเก่า ทำให้การขายมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีกำลังซื้อได้ตรงจุด

นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ขยายตลาดในช่องทางออนไลน์ยังทำให้บริษัทบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น โดยต้นทุนต่ำลง ค่าใช้จ่ายลดลง และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นหรือ Gross Profit Margin (GPM) ของบริษัทขยับสูงขึ้น

นายบุญชัย กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการผลิต บริษัทยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่มเติม โดยโครงสร้างผลิตในปี 62 เป็นการผลิตเองจากโรงงานของซาบีน่า 70% และเป็นการจ้างผลิตจากโรงงานในต่างประเทศ 30% ขณะที่แผนระยะสั้นในปี 63 จะลดการผลิตเองลงเหลือ 65% และเพิ่มสัดส่วนจ้างผลิตเป็น 35% ซึ่งในภาวะที่ค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่า ก็จะทำให้ในปีนี้ บริษัทยังคงมีความได้เปรียบทั้งทางด้านต้นทุนการผลิตและการนำเข้าสินค้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ