นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในวันนี้ (21 ม.ค.) กรมสรรพากรร่วมกับสถาบันการเงิน 20 แห่ง ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ให้จัดทำบัญชีชุดเดียวและงบการเงินให้ถูกต้องและสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งเป็นโครงการการต่อเนื่องจากมาตรการ SME บัญชีชุดเดียวและเป็นการยกระดับความร่วมมือครั้งสำคัญของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME ที่จัดทำงบการเงินที่ถูกต้องสะท้อนผลการดำเนินงานของกิจการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ SME
"การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME จัดทำบัญชีชุดเดียวและงบการเงินให้ถูกต้องและสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น จะมีส่วนสำคัญในการยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการ SME ไทย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป"นายเอกนิติ กล่าว
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ บสย. มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ประกอบการ SME ที่เข้าร่วมโครงการสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น นำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมั่นคง และยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากร ธนาคาร และ บสย. จะร่วมกันเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME ตระหนักโดยให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจสมัยใหม่
โดยการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้ถูกต้องสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งในส่วนของ บสย. จะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกับกรมสรรพากร ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 2 ปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมการจัดการตลอดปี 63 ภายใต้เงื่อนไขที่ บสย. กำหนด สำหรับผู้ที่ขอสินเชื่อจากธนาคารพันธมิตรทุกแห่ง เพื่อเป็นแรงจูงใจและของขวัญให้กับกลุ่ม SME ที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการ SME ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของ SME ปี 62 เติบโต 3.5% ซึ่งมากกว่า GDP ของประเทศที่เติบโต 2.5% แต่ธุรกิจ SME เองกลับติดหล่ม ไม่สามารถเติบโตได้อย่างที่ควรจะเป็น โดยสาเหตุหนึ่งมาจากการมีงบการเงินหลายเล่ม หรือมีหลายบัญชี จึงไม่สามารถนำงบการเงินมาวิเคราะห์สภาพคล่องและรู้ผลการดำเนินงานที่แท้จริงของธุรกิจได้ และยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก เนื่องจากงบการเงินที่นำมาแสดงไม่สามารถสะท้อนศักยภาพ ของธุรกิจ จึงส่งผลต่อการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน
"สมาคมธนาคารไทยต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME มีความเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญ และหันมาทำบัญชีเพียงเล่มเดียว จึงร่วมมือกับกรมสรรพากรและสถาบันการเงินทั้ง 20 แห่ง เสนอสินเชื่อดอกเบี้ยอัตราพิเศษ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถติดต่อขอสินเชื่อกับธนาคารที่สะดวกได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563"
นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ SME ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารเล็งเห็นประโยชน์ที่จะมีต่อผู้ประกอบการ SME ในการจัดทำงบการเงินที่สอดคล้องกับสภาพธุรกิจจริง จึงพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการส่งเสริม SME ที่จดแจ้งการจัดทำบัญชีและงบการเงินกับกรมสรรพากร (บัญชีเดียว) โดยจัดแคมเปญพิเศษที่มั่นใจว่าจะช่วยตอบโจทย์ทางการเงินให้กับผู้ประกอบการได้อย่างครบถ้วน ด้วยวงเงินกู้สำหรับสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนประเภทเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) และเงินกู้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) สูงสุด 50 ล้านบาท โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
พร้อมมอบสิทธิพิเศษจากมณีฟรีโซลูชั่น ประกอบด้วย ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน-จ่าย สามารถโอนเงินต่างธนาคารโดยไม่จำกัดยอดเงินสูงสุด ฟรีค่าบริการรับฝากเช็คข้ามเขต พร้อมรับดอกเบี้ยพิเศษสำหรับการฝากเงินบัญชีเดินสะพัด นอกจากนี้ธนาคารยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางด้านดิจิทัลมอบโซลูชั่นสำหรับระบบบริหารและจัดการเอกสารและระบบบันทึกบัญชีออนไลน์ฟรี 1 ปี มูลค่า 8,000 บาท และส่วนลด 5,000 บาทสำหรับการจัดทำบัญชี
ปัจจุบันผู้ประกอบการ SME เริ่มตื่นตัวกับการจัดทำบัญชีชุดเดียวมากยิ่งขึ้น ด้วยมองเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี การเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ตลอดจนเพื่อการบริหารจัดการและการวางแผนธุรกิจที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในปีนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการ SME เข้าร่วมแคมเปญกับธนาคารเพื่อรับสิทธิพิเศษทางการเงินจากการทำบัญชีชุดเดียวเป็นจำนวนมาก
ด้านนายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และอธิบดีกรมสรรพากรร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง SME โปรดีบัญชีเดียว สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยอัตราพิเศษ 5% คงที่ 2 ปี และฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 2 ปีกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมให้แก่ผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนกับกรมสรรพากร ผู้ประกอบการสามารถติดต่อขอสินเชื่อได้ที่ธนาคารกสิกรไทยสาขาที่ใช้บริการ ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 63
นายวีระพงศ์ ศุภเศรษฐ์ศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า ธนาคารออกผลิตภัณฑ์ "สินเชื่อ SME โปรดี บัญชีเดียว" สำหรับผู้ประกอบการ SME จำนวนกว่า 24,000 ราย ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาของกรมสรรพากร ซึ่งได้ลงทะเบียนยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ และได้ปรับปรุงงบการเงินแบบ ภงด. 50 และแบบอื่นๆ ให้ถูกต้องสะท้อนภาพที่แท้จริงของกิจการ โดยผู้ประกอบการที่มียอดขายตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป จะได้รับวงเงินสินเชื่อพิเศษรายละไม่เกิน 20 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 3% ต่อปี และยังสามารถเลือกใช้ บสย. ค้ำประกันได้ โดยฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน บสย. ใน 2 ปีแรก
นอกจากนี้ สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่มีความประสงค์ใช้งบสรรพากรในการพิจารณาสินเชื่อ ธนาคารยังมีผลิตภัณฑ์ "สินเชื่อกรุงไทย SME บัญชีเดียว" อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี โดยสามารถกู้ได้สูงสุด 3 เท่าของหลักประกัน ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ฟรีค่าธรรมเนียม บสย. ค้ำประกัน 4 ปีแรก และสินเชื่อ SME อีก 10 ประเภท ให้เลือกใช้ตามความต้องการที่หลากหลายของธุรกิจ ในอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปีเช่นเดียวกัน ภายใต้แคมเปญ "กรุงไทย SME เคียงข้างธุรกิจคุณ"