นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับโรคระบาดปอดอักเสบที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่เริ่มแพร่กระจายไปหลายประเทศทำให้เป็นผลลบต่อตลาดฯ อีกทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก็ได้ปรับลดประมาณการ GDP โลก ทำให้เป็น Negative Surprise ด้วย
"ตลาดฯะจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่เวลาที่มีโรคระบาดเกิดขึ้น คนจะกลัว และมโนกันไปมาก ซึ่งในอดีตปี 2003 ที่เกิดโรคซาร์ส หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวปรับตัวลงมากถึง 8% แม้แต่กลุ่มโรงแรม และสายการบินต่างก็ปรับตัวลงกัน ซึ่งคนก็จะไม่มี Activity จะอยู่แต่บ้าน รวมถึงคนก็จะไม่ไปเที่ยวประเทศที่ติดเชื้อจนกว่าจะไม่มีแล้ว และยิ่งออกมาบอกว่ามีโอกาสติดคนสู่คนได้ ก็ทำให้มีการติดต่อกันได้ง่าย ธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของไทยก็จะได้รับผลกระทบกันไป ตอนนี้ก็เพียงแต่รอสัญญาณจะแพร่กระจายขนาดไหน และจะกระทบเศรษฐกิจแค่ไหน"
นายถนอมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนกำไรของกลุ่มแบงก์ก็ไม่ดี มีการตั้งสำรองฯสูงในไตรมาส 4/2 ทำให้งบฯออกมาดูน่าผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น SCB และ BBL ต่างก็มีการตั้งสำรองฯสูง ทำให้ไม่มีความมั่นใจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอื่นที่จะทยอยประกาศออกมาว่าจะดีหรือไม่ ส่วนกลุ่มปิโตรเคมีก็ยังมีแรงขายอยู่จากสเปรดปิโตรเคมีที่ไม่ดี
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกกัน พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,555 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ม.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,196.04 จุด ลดลง 152.06 จุด (-0.52%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,320.79 จุด ลดลง 8.83 จุด (-0.27%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,370.81 จุด ลดลง 18.14 จุด (-0.19%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 29.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 13.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 131.17 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.69 จุด
ส่วนตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันหยุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ม.ค.63) 1,574.94 จุด ลดลง 14.17 จุด (-0.89%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 637.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ม.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ม.ค.63) ปิดที่ระดับ 58.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ม.ค.) อยู่ที่ 0.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.39 อ่อนค่าจากวานนี้ตามค่าเงินหยวน วิตกสถานการณ์ไวรัสโคโรนาระบาด-รอดูตัวเลขส่งออกไทยเช้านี้
- นายกฯเซ็นตั้งคณะกรรมการ ขับเคลื่อนเจรจาการค้าและการลงทุน มอบ "สมคิด" ประธานให้อำนาจหน้าที่ไล่บี้ การลงทุนภาครัฐ-รัฐวิสาหกิจปี 63-64 พร้อมวางกรอบเจรจาการค้า ทำงานร่วม 5 รัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครม.สัญจรไฟเขียว ธ.ก.ส.เพิ่มทุน 2 หมื่นล้านบาท หนุนฐานราก ดันจีดีพี 0.1%
- กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเล็งออก ทีโออาร์ ประมูลสำรวจ-ผลิตปิโตรเลียม รอบ 23 แปลงอ่าวไทย เม.ย.นี้ ครั้งแรก รอบ 13 ปี คาดลงนามผู้ชนะ ม.ค.2564 หวังเกิดเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,500 ล้านบาท เตรียมหารือทุกหน่วย ก.พ.นี้ ดันเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา
- "อนุทิน" มั่นใจระบบเฝ้าระวังคัดกรองไวรัสอู่ฮั่น แม้จีนประกาศติดต่อจากคนสู่คนได้ ย้ำระบบเคลื่อนย้ายดูแลมีความรัดกุมและใช้มาตรการควบคุมระดับสูงสุด ขอคนไทยอย่าวิตก ขณะที่ผู้ป่วยในความดูแลรักษาหายได้ สธ.เตรียมประชุมผู้เชี่ยวชาญหามาตรการรองรับด่วน ด้านจีนเผยยอดผู้เสียชีวิตเป็น 6 ราย ติดเชื้อเกือบ 300 ราย
- "9 แบงก์พาณิชย์" โชว์กำไร ปี 62 โต 3.4% แตะระดับ 1.71 แสนล้านบาท ขณะ "เอ็นพีแอล" พุ่งกว่า 13.4% แตะ 3.56 แสนล้านบาท นำโดย "ทีเอ็มบี-เอสซีบี-กสิกรไทย" ด้าน "ปรีดี" แจงแบงก์หันมาบริหารหนี้เสียด้วยตัวเอง ส่งผลยอดเอ็นพีแอลพุ่ง สั่งคุมให้ไม่เกิน 4% ขณะ "ไทยพาณิชย์" ยอมรับหนี้เสียกลุ่มเอสเอ็มอีปีนี้มีโอกาสขยับขึ้นเล็กน้อย
- นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการส่งออกอาหารปี 2562 และเป้าหมาย ปี 2563 จัดทำข้อมูลโดย 3 องค์กร ประกอบด้วย สถาบันอาหาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า แนวโน้มการส่งออกอาหารไทยปี 2563 ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐคาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกราว 34,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 5.4% ส่วนในรูปเงินบาทมีมูลค่า 1,022,610-1,061,000 ล้านบาท มีโอกาส ติดลบ 0.3 ถึง 3.5% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ และค่าเงินบาทมีโอกาสเคลื่อนไหวระหว่าง 29.30-30.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ กลุ่มสินค้าที่คาดว่ามูลค่าส่งออกจะขยายตัว ได้แก่ ข้าว ไก่ ปลาทูน่ากระป๋อง แป้งมันสำปะหลัง กุ้ง เครื่องปรุงรส มะพร้าว สับปะรด และอาหารพร้อมรับประทาน ส่วนที่คาดว่าจะลดลง คือ น้ำตาลทราย
- หอการค้าฯ ชี้การใช้จ่ายช่วงตรุษจีนปี 63 ซบเซาขยายตัวติดลบ 1.30% ครั้งแรกในรอบ 12 ปี ด้านพาณิชย์ลุยจัดงานสินค้าเกษตรต้อนรับเทศกาลตรุษจีนปี 2563 ระหว่างวันที่ 21-23 ม.ค.2563 รองรับตรุษจีน
- คลังเล็งขยายเวลายื่นแบบภาษีเงินได้ อาจยืดจากมี.ค.เป็นมิ.ย. พร้อมเร่งคืนเงินให้คนจับจ่ายช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมลงนามร่วมกับสถาบันการเงิน 20 แห่ง สนับสนุนเอสเอ็มอีที่ทำบัญชีเดียว โดยส่งรายชื่อ 2.4 หมื่นรายได้สิทธิ์กู้ดอกเบี้ยต่ำ สรรพากรเผย 3 เดือนแรกเก็บภาษีเฉียด 4 แสนล้านบาท เกินเป้า
*หุ้นเด่นวันนี้
- INTUCH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 81 บาท เหมาะสำหรับหลบภัยในภาวะตลาดผันผวน เนื่องจากจ่ายปันผลสม่ำเสมอและให้ Dividend yield สูง ประมาณ 4.5% ต่อปี สูงกว่าเมื่อเทียบกับ ADVANC ที่ 3.5% ขณะที่ราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนมูลค่าเงินลงทุน (NAV) ใน ADVANC และ THCOM โดยมี Discount จากมูลค่า NAV ถึง 28% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 20-25%
- CBG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 107 บาท คาดกำไร Q4/62 โตทั้ง Q-Q และ Y-Y แม้จะเผชิญภาษีน้ำตาลที่ปรับขึ้นมาตั้งแต่ต้นไตรมาสก็ตาม สวนทางฤดูกาลและสวนทางกลุ่มที่คาดกำไรอ่อนตัว และทำให้กำไรทั้งปี 2562 น่าจะโตถึง 114% Y-Y เป็น 2.48 พันล้านบาท พร้อมคาดกำไรปี 2563 +23% Y-Y เป็น 3.07 พันล้านบาท จากการขยายตลาดส่งออก โรงงานกระป๋องใช้กำลังการผลิตเต็มที่และเต็มปี และธุรกิจในอังกฤษขาดทุนลดลง ทั้งนี้ปัจจุบันมี P/E 28 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 43 เท่า และต่ำกว่า OSP ที่ 39 เท่า ขณะที่การเติบโตของกำไร, ROE, Dividend yield ดีกว่า OSP