โบรกเกอร์ ต่างเห็นพ้องเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) พร้อมปรับขึ้นราคาเป้าหมาย รับผลบวกจากราคาเนื้อหมูปรับตัวขึ้นมาทั้งในไทยและเวียดนาม ซึ่งเริ่มเห็นตั้งแต่ในไตรมาส 4/62 และต่อเนื่องในปี 63 โดยเฉพาะไตรมาส 1/63 มีเทศกาลตรุษจีน คาดว่าราคาจะปรับขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลจากโรค ASF ระบาดทำให้ซัพพลายน้อยลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นหรือมาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ปรับประมาณการกำไรปกติในปี 62 เพิ่มขึ้น 74-80% มาที่ระดับ 13,400-17,903 ล้านบาท และปี 63 เติบโตต่อเนื่องอีก 10-44.6% มาที่ 14,800-20,254 ล้านบาท
พักเที่ยงราคาหุ้น CPF อยู่ที่ 30 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.64% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.07%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 39.00 ทรีนีตี้ ซื้อ 38.00 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 37.50 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 36.00 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 34.50 กรุงไทย ซีมีโก้ ซื้อ 34.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 39.00
นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ"ซื้อ"หุ้น CPF และปรับขึ้นราคาเป้าหมายจาก 34 บาท เป็น 36 บาท จากการปรับประมาณการกำไรขึ้นหลังจากกำไรขั้นต้นที่น่าจะดีขึ้นในปี 63 มาที่ 14.2% จากปี 62 อยู่ที่อัตรา 14% ซึ่งเริ่มสูงขึ้นมากในไตรมาส 4/62 และจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในปี 63
ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้น จากการเกิดระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) ทำให้จำนวนหมูลดลงทั้งในเวียดนามและไทย ส่งผลให้ซัพพลายขาดตลาด ประกอบกับมีเทศกาลตรุษจีนทำให้ราคาเนื้อหมูปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งราคาเนื้อไก่ราคาค่อย ๆ ดีขึ้นด้วย และคาดว่า การขาดแคลนหมูในเวียดนามจะทำให้ราคาหมูสูงตลอดทั้งปี 63
ขณะที่ราคาหมูในไทยเพิ่มขึ้นมาสูงกว่า 70 บาท/กิโลกรัม (กก.) เทียบกับราคาเฉลี่ยปี 62 ที่ 68.4 บาท/กก. และคาดว่าจะยังทรงตัวที่ราคาสูง เนื่องจากผู้เลี้ยงรายย่อยอาจได้รับผลกระทบจากภัยแล้งด้วย
ประเมินกำไรปกติของ CPF ในปี 62 อยู่ที่ 13,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74% จากปี 61 ที่มีราว 7,700 ล้านบาท และในปี 63 อยู่ที่ 14,800 ล้านบาท เติบโต 10% ทั้งนี้ รายได้จากเวียดนามคิดเป็นสัดส่วน 15% ของรายได้รวม CPF
นางสาวสุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ"ซื้อ"หุ้น CPF พร้อมปรับขึ้นราคาเป้าหมายเป็น 39 บาทจาก 33 บาท จากการปรับประมาณการกำไรขึ้น โดยกำไรปกติในปี 63 คาดไว้ที่ 20,254 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.6% จากปี 62 ที่คาดมีกำไรปกติ 17,903 ล้านบาท เติบโต 80% จากปี 61 ที่มีกำไรปกติราว 7,700 ล้านบาท
เนื่องจากราคาหมูปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งในไทยและเวียดนาม มากกว่า 10% หลังจากโรค ASF ระบาด ทำให้มีปริมาณหมูลดลงมาก ในไตรมาส 1/63 ราคาหมูในไทยปรับขึ้นมาเฉลี่ย 74 บาท/กก. จากไตรมาส 4/62 ที่ 60 บาท/กก. ซึ่งราคาใกล้ตรุษจีนขยับไปถึง 80 บาท/กก.แล้ว ส่วนในเวียดนามราคาหมูขึ้นไปถึง 80,000 ดอง/กก.ในไตรมาส 1/63 จาก 63,000 ดอง/กก.ในไตรมาส 4/62 ส่วนราคาไก่ทรงตัว ที่ 35-36 บาท/กก.
นอกจากนี้ CPF รับรู้กำไรจากบริษัท Hylife ในแคนาดาที่เพิ่งเข้าซื้อมา ซึ่งสามารถส่งออกเนื้อหมู หมูแช่แข็ง ไปยังญี่ปุ่น เกาหลี และจีน คาดว่าจะรับรู้กำไรในปีนี้ประมาณ 1 พันล้านบาท (ตามสัดส่วนถือหุ้น 50%)
ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มราคาหมูในเวียดนามยังอยู่ในระดับสูงเนื่องจากความเสียหายจากโรค ASF ทำให้ปริมาณการเลี้ยงลดลง และคาดว่าผลกระทบจากการเทขายหมูของเกษตรกรหมดไปแล้ว สำหรับราคาสัตว์บกในไทยคาดว่าจะเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะราคาหมูเนื่องจากผู้เลี้ยงหมูมีความกังวลต่อโรค ASF และยังมีปัญหาภัยแล้ง ทำให้ปริมาณการเลี้ยงลดลง อีกทั้งการขาดแคลนเนื้อหมูในจีนและเวียดนามทำให้การส่งออกตามชายแดนเพิ่มสูงขึ้นด้วย ด้วยราคาหมูในเวียดนามและไทยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 63 ขึ้นราว 14% จากประมาณการก่อนหน้า
จากประมาณการกำไรใหม่ จึงปรับราคาเป้าหมายของ CPF ในปี 63 เป็น 38 บาท อิง PBV 1.7 เท่า ซึ่งยังมี Upside จากราคาปัจจุบัน
ส่วนบทวิเคราะห์ของ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า มีโอกาสสูงที่จะปรับประมาณการกำไรของ CPF ในปี 63 หากกำไรปกติในไตรมาส 4/62 ใกล้เคียงที่หยวนต้าฯคาดที่ 3,207 ล้านบาท จะส่งผลให้กำไรปกติปี 62 สูงถึง 12,949 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการเดิมถึง 16% และปี 63 จะเหลือการเติบโตเพียง 5% จากปี 62
สำหรับในไตรมาส 1/63 ราคาหมูในประเทศคาดว่าจะอยู่ในช่วง 75-80 บาท/กก.ราคาไก่ในประเทศอยู่ที่ราว 36-40 บาท/กก. และราคาหมูเวียดนามคาดไม่ต่ำกว่า 80,000 ดอง/กก. เป็นการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และงวดปีก่อน ในทุกธุรกิจ ผนวกกับเป็นไตรมาสแรกของการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Hylife ซึ่งปี 62 คาดว่าจะทำกำไรราว 2,000 ล้านบาท แต่ประมาณการปี 63 ของหยวนต้าฯยังประมาณการไว้เพียง 1,400 ล้านบาท เป็น Upside ต่อประมาณการนอกเหนือจากราคาหมู โดย CPF ถือหุ้น 50.1% ทำให้แนวโน้มกำไรปกติในไตรมาส 1/63 อาจทำได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท และเป็นระดับสูงสุดใหม่
นอกจากนี้ โรค ASF เป็นสาเหตุหลักทำให้เกษตรกรในประเทศที่ขายหมูไปแล้วชะลอการเลี้ยง เพราะยังไม่มั่นใจสถานการณ์ ส่วนผู้ที่ลงเลี้ยงใหม่ในรอบนี้ต้องรอถึงต้นปี 64 เป็นอย่างเร็วจึงจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดได้ เพราะภัยแล้งทำให้การเลี้ยงถูกชะลอออกไป ส่วนในเวียดนามหากใช้จีนเป็นกรณีศึกษาหมูในจีนอยู่ที่ราว 200 บาท/กก.เทียบเท่าราว 150,000 ดอง/กก.และยืนสูงกว่า 150 บาท/กก.ได้นานเป็นปีที่ 2 โดยรัฐบาลสามารถแทรกแซงราคาได้จำกัด จึงเชื่อว่าราคาหมูในเวียดนามยังสามารถขยับขึ้นได้อีก และทรงตัวสูงได้อีกอย่างน้อยถึงปี 64 เพราะจำนวนประชากรหมูลดลงตั้งแต่ระดับต้นน้ำ คือ ปู่ย่า และพ่อแม่พันธุ์ลดจำนวนลง ทำให้การฟื้นปริมาณหมูจึงช้ากว่าปกติ และการเลี้ยงใหม่ถูกรัฐบาลควบคุมมากขึ้นเพื่อควบคุมการระบาดของ ASF
ทั้งนี้ ยังคงมุมมองบวกมากต่อ Cycle รอบใหญ่ที่สุด และยาวนานนี้ ส่งผลบวกมากต่อ CPF คงคำแนะนำ ซื้อ ให้เป็น Top pick ปี 63 ราคาเป้าหมาย 39 บาท ก็มีโอกาสปรับขึ้นอีก