นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2563 ไว้ที่ระดับ 8,000 ล้านบาท ตามแผนการสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อต่อยอดการเติบโตในธุรกิจต่าง ๆ โดยธุรกิจถ่านหิน ยังคงเดินหน้าขยายช่องทางการตลาด เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ตั้งเป้ายอดขายถ่านหินในปีนี้ไว้ที่ระดับ 3.6 ล้านตัน โดยตลาดหลักยังคงเป็นตลาดถ่านหินในประเทศไทย ที่ยังคงมุ่งมั่นในการขยายส่วนแบ่งตลาดให้สูงขึ้น ส่วนในประเทศเวียดนาม กำลังพิจารณาความเหมาะสมการพัฒนาพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มเติมเพื่อการรองรับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ ได้แก่ การขนส่งทางน้ำ-ทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือและคลังสินค้าเต็มรูปแบบ ก็จะมีการขยายลงทุน เนื่องจากกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ยังมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเพิ่มศักยภาพและต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจได้เพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ
แผนการขยายการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ ได้แก่ การต่อเรือลำเลียงเพิ่มเติม โดยในช่วงกลางปีจะมีเรือลำเลียงทั้งหมด 36 ลำ และเพิ่มเป็น 40 ลำในช่วงต้นปี 2564 และจะลงทุนรถบรรทุกเพิ่มอีก 20 คัน ซึ่งจะทำให้มีรถบรรทุกทั้งหมด 55 คัน ในส่วนท่าเรือได้มีการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือแห่งที่ 3 บริเวณคลังสินค้านครหลวง ซึ่งแล้วเสร็จและเริ่มใช้งานแล้ว พร้อมเตรียมขยายท่าเรือที่ 4 ในบริเวณเดียวกัน เพื่อเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการให้บริการขนถ่ายสินค้าให้ดียิ่งขึ้น
ปัจจุบันบริษัทมีสัญญาการขนส่งสินค้า (Backlog) จำนวน 1.2 ล้านตัน และตั้งเป้าปริมาณการขนส่งสินค้าจากการขนส่งทั้งทางน้ำและทางบกในปีนี้กว่า 3.5-4 ล้านตัน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ สินค้าเกษตร ยิปซั่ม และถ่านหิน เป็นต้น
"พื้นที่คลังถ่านหินของบริษัท ที่นครหลวงมีการบริหารจัดการอย่างดี โดยได้รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ หรือ ISO 9001:2015 มาตรฐานระบบการบริหารงานด้านสิ่งแวดล้อม หรือ ISO 14001:2015 และยังได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม"นายพนม กล่าว
สำหรับธุรกิจด้านพลังงานภายใต้บริษัทร่วมทุน "บริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 50% นั้น ปัจจุบันได้เซ็นสัญญาซื้อขายไอน้ำ กับบมจ.อุตสาหกรรมไทยบรรจุภัณฑ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากการขายไอน้ำ ภายในปลายปี 2563 และคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนของโครงการอื่นๆ ต่อไปในช่วง กลางปี 2563