นายพิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (APCO) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 จะเติบโตเป็น 320-440 ล้านบาท จากการขยายตลาดไปในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยวางเป้าหมายจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 20-50% จากเดิมอยู่ที่ 10% ส่วนที่เหลือจะมากจากในประเทศ
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทตัวแทนจำหน่าย เพื่อส่งผลิตภัณฑ์ดูแลผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS และผู้ป่วยโรคมะเร็ง เข้าไปขายในประเทศไนจีเรีย, เอธิโอเปีย และประเทศอื่นๆ ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองชนิดนี้ รวมถึงจะส่งผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยเบาหวานเข้าไปในประเทศจีนด้วย โดยมองว่าตลาดดังกล่าวมีประชากรค่อนข้างมาก และยังมีผู้ติดเชื้อที่มากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเริ่มส่งสินค้าได้ในไตรมาส 2/63 เป็นต้นไป
ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 6 ล้านเม็ด/ปี โดยมีการใช้กำลังการผลิตคิดเป็น 1 ใน 4 ของกำลังการผลิตทั้งหมดเท่านั้น มองว่ายังเพียงพอต่อการรองรับกับคำสั่งซื้อที่จะเพิ่มมากขึ้นในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ร่วมกับนายลิม โฮ คี พันธมิตรชาวสิงคโปร์ เพื่อดำเนินการศูนย์ CTL ImmunePlus Center ดูแลผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ให้อยู่ในสภาวะ HIV สงบ หรือ Functional cure ในกรุงเทพฯ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในวันที่ 29 ก.พ.นี้ อีกทั้งเตรียมเปิด APCO Wellness Center ศูนย์ภูมิคุ้มกันบำบัด โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของ APCO ร่วมกับนวัตกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลโรคภูมิแพ้ตัวเอง และโรคมะเร็ง คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2/63 ซึ่งทั้ง 2 ศูนย์นี้จะเน้นให้บริการลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก และคาดหวังว่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 6 เดือน
ขณะที่ นายลิม โฮ คี จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเข้าซื้อหุ้นไปแล้วจำนวน 18 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวน 6 ล้านหุ้น ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นราว 1% และมีความสนใจที่จะเข้าซื้อหุ้นของ APCO เพิ่มอีก โดยจะนับจากปลายปี 62 ไปอีก 18 เดือน ตามการทำสัญญาซื้อขายหุ้น
สำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศ บริษัทจะเน้นทำการตลาดผ่าน Social Media มากขึ้น ทั้งการขายผ่านศูนย์ BIM Health Center และตัวแทนจำหน่าย อีกทั้งมีแผนจัดตั้งบริษัทย่อยร่วมกับตัวแทนจำหน่ายซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความพึงพอใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยใช้ช่องทาง Social Media ในการขยายตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง อีกทั้งบริษัทได้ร่วมมือกับแพทย์ที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของ APCO นำผลิตภัณฑ์เข้าไปใช้แก้ไขปัญหาสุขภาพในคลีนิค ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
"ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้คาดว่ายังคงชะลอตัวต่อเนื่อง กำลังซื้อของผู้บริโภคค่อนข้างทรงตัว บริษัทจึงต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโต ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรนำนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดที่มีประสิทธิภาพของ APCO สร้างการรับรู้และขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น บริษัทเชื่อว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับสูง และสามารถให้ผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นได้เช่นเดิม" นายพิเชษฐ์ กล่าว
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 80% และคาดอัตรากำไรสุทธิไว้เติบโตไม่ต่ำกว่า 25% จากการส่งสินค้าไปขายในต่างประเทศเป็นหลัก