ตลท.เผยปี 50 บจ.ทำกำไรรวมกว่า 4.2 แสนลบ.ลดลง 10% จากปี 49

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 5, 2008 18:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2550 บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) มีกำไรรวม 422,154 ล้านบาท ลดลง 48,378 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 10 
แต่หากไม่รวมกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้จะทำให้มีกำไรสุทธิลดลงจากปี 2549 ร้อยละ 4 โดย บจ.โดยรวม สามารถทำยอดขายได้ 6,089,925 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากปี 2549 ที่มียอดขายรวม 5,582,039 ล้านบาท
บจ.ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ที่ส่งงบการเงินประจำปี 2550 จำนวน 476 บริษัท จากทั้งหมด 490 บริษัท มีกำไรสุทธิรวม 420,186 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10 โดยมียอดขายรวม 6,044,925 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ร้อยละ 9
สำหรับ บจ.ใน SET50 มีกำไรสุทธิ 343,564 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 แม้ว่ายอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 แต่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จึงทำให้กำไรขั้นต้นลดลงเป็นร้อยละ 24 ส่วนบจ.ในกลุ่ม SET100 มีกำไรสุทธิ 377,659 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9 เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 11
"สาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทจดทะเบียนโดยรวมมีกำไรลดลงจากปี 2549 มาจากการที่สถาบันการเงินมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ (IAS39) ประกอบกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี รวมถึง กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ลดลงจากเดิม"นางภัทรียากล่าว
ทั้งนี้ หากพิจารณากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย กลุ่มเทคโนโลยีมีกำไรสุทธิ 38,085 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 กลุ่มทรัพยากรมีกำไรสุทธิ 207,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ตามด้วยกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมมีกำไรสุทธิ 34,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.34
บจ.ที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ.ปตท. (PTT), บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC), บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP), ธนาคารกรุงเทพ(BBL) และบมจ. ไทยออยล์ (TOP)
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) ที่เรียงตามกลุ่มที่มีกำไรสุทธิสูงสุด อันดับแรกเป็น กลุ่มทรัพยากร ประกอบด้วย หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดเหมืองแร่ รองลงมาเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประกอบด้วยหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดวัสดุก่อสร้าง และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
ถัดไปเป็น กลุ่มบริการ ประกอบด้วย หมวดการแพทย์ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ หมวดบริการเฉพาะกิจ หมวดพาณิชย์ และหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์, กลุ่มเทคโนโลยี ประกอบด้วยหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ประกอบด้วยหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร หมวดบรรจุภัณฑ์ หมวดกระดาษและวัสดุการพิมพ์ และหมวดยานยนต์
กลุ่มธุรกิจการเงิน ประกอบด้วย หมวดธนาคาร หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ และหมวดประกันภัยและประกันชีวิต โดยธนาคารพาณิชย์ 11 แห่ง มีกำไรสุทธิรวม 5,507 ล้านบาท ลดลงจากปี 2549 ร้อยละ 90 บริษัทในหมวดธุรกิจเงินทุนและธุรกิจหลักทรัพย์ 18บริษัท มีกำไรสุทธิรวม 2,522 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 และ บริษัทประกันภัย 17 แห่ง ประกันชีวิต 1 แห่ง มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 14
กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ประกอบด้วยหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดธุรกิจการเกษตร, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย หมวดของใช้ในครัวเรือน หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ หมวดแฟชั่น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ