นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการ บมจ.ไพร์ม โรด เพาเวอร์ (PRIME) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 62 จะเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากโรงไฟฟ้าของบริษัททั้งในและต่างประเทศสามารถสร้างรายได้ค่าไฟฟ้าได้ตามเป้าหมาย โดยในช่วง 9 เดือนแรกปี 62 มีรายได้รวม 488.2 ล้านบาท และมีกำไรเบ็ดเสร็จ 206 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิสูง 42.2% โดยกำไรเบ็ดเสร็จเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับผลขาดทุนเบ็ดเสร็จ 377.2 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกปี 61 ของ บมจ.ฟู้ด แคปปิตอล (FC) ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น PRIME
ส่วนในปี 63 นี้ บริษัทเร่งเดินหน้าโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและก่อสร้างจำนวน 108 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ในประเทศไทย ญี่ปุ่น และ โดยเฉพาะในกัมพูชา ซึ่งเป็นโครงการโซลาฟาร์มขนาดใหญ่ขนาด 78 เมกะวัตต์ ถือว่าเป็นโครงการโซลาฟาร์มใหญ่ที่สุดโครงการหนึ่งในกัมพูชา และได้รับความสนใจอย่างสูงจากบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าจากทั่วโลก
นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมทั้งในประเทศ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนของรัฐบาล และ โครงการโซลาฟาร์มขนาดใหญ่ในเอเชีย เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป
ปัจจุบัน PRIME ทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 17,017,941,757 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น อัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 1.33 เท่า โดยมีสินทรัพย์จำนวน 5,319 ล้านบาท หนี้สินรวม 3,034 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 2,285 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) 12%
บริษัทมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดรวม 287 เมกะวัตต์ โดยจำหน่ายไฟฟ้าแล้ว 179 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาและก่อสร้าง 108 เมกะวัตต์ โดยเป็นโรงไฟฟ้าในประเทศไทย 132.3 เมกะวัตต์ ญี่ปุ่น 68.2 เมกะวัตต์ ไต้หวัน 8.5 เมกะวัตต์ และ กัมพูชา 78 เมกะวัตต์ (สัญญาจำหน่ายไฟฟ้า 60 เมกะวัตต์) ซึ่งจะก่อสร้าง ที่จังหวัดกัมปงชนัง โดยกัมพูชา เป็น 1 ในประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังขยายตัวทางเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรม และมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในปริมาณมาก ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีโอกาสที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติมในกัมพูชาด้วย
นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษาการลงทุนในประเทศ ไต้หวัน เวียดนาม ลาว ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพ การเติบโตสูง และความต้องการพลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก