นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.พรินซิเพิล จำกัด มองเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในปี 63 ยังมีแนวโน้มที่ดีและมีรายได้ที่มั่นคงจากค่าเช่า จึงแนะนำให้ลงทุนเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ต ด้วยการมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 10-20% ของพอร์ตลงทุนรวม เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนและตลาดการเงินโลกมีความไม่แน่นอน
ขณะที่กองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส เฮลท์ (Principal Property Income Plus Health Fund (PRINCIPAL iPROPPLUS) สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยในปี 62 สามารถสร้างผลตอบแทนได้ที่ 22.36% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 20.36% และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว 2 ครั้ง อัตรารวม 0.75 บาทต่อหน่วย
ล่าสุด กองทุน PRINCIPAL iPROPPLUS กำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 จากงวดบัญชี 1 ก.ค.-31 ธ.ค.62 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย กำหนดปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 31 ม.ค.63 โดยผู้ซื้อหน่วยลงทุนหลังวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนดังกล่าวจะไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล และจะจ่ายเงินปันผลวันที่ 7 ก.พ.63
นายจุมพล กล่าวว่า กองทุน PRINCIPAL iPROPPLUS นอกจากสร้างผลตอบแทนที่ดีแล้ว ยังสร้างความแตกต่างจากกองทุนที่ลงทุนใน REITs โดยทั่วไป พร้อมจุดเด่นเพื่อเพิ่มโอกาสในการมอบสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองด้านประกันชีวิตและสุขภาพ (ตามเงื่อนไข) โดยบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผู้ลงทุนสามารถได้รับสิทธินี้เมื่อลงทุนในกองทุนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จากแผนความคุ้มครองทั้งหมด 5 แผนตามมูลค่าเงินลงทุน จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อรับผลตอบแทนจากเงินปันผลและได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ
ทั้งนี้ กองทุนฯ มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector Fund) ได้ทั้งในและต่างประเทศ และ/หรือทรัตส์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยใช้กลยุทธ์คัดเลือกสินทรัพย์รายตัวในลักษณะ Bottom-up โดยเฉพาะกลุ่มที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเครือข่ายผู้จัดการกองทุนของ บลจ. พรินซิเพิล เน้นการศึกษาเชิงลึกเพื่อลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดี มีสภาพคล่องเพียงพอ และซื้อขายในราคาที่เหมาะสม