นายภากร ปีตธวัชชัย ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยอมรับว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากจีนกระทบโดยตรงต่อกลุ่มธุรกิจขนส่งและท่องเที่ยว แต่สำหรับภาพรวมธุรกิจอื่น ๆ ยังต้องติดตามผลกระทบรอบด้านให้ชัดเจนก่อน ซึ่งเบื้องต้นมองว่ามีทั้งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเชิงลบและเชิงบวก ขณะที่บางธุรกิจอาจไม่ได้รับผลด้านใดเลย
อย่างไรก็ตาม ตลท.ยืนยันว่ามาตรการที่มีอยู่คือ เซอร์กิต เบรกเกอร์ หากตลาดหุ้นร่วงแรงไปถึง 10% สามารถรับมือกับความร้อนแรงของการซื้อขายในตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี แต่ก็เชื่อว่าในวันนี้คงไม่ถึงขั้นที่จะต้องนำมาใช้ โดยการซื้อขายในช่วงเช้าตลาดหุ้นไทยปรับลงไปราว 2.92%
นายภากร กล่าวผ่าน Conference Call ว่า วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก โดยได้รับผลกระทบหลักมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากประเทศจีนไปยังหลายประเทศทั่วโลก โดยในวันนี้ตลาดหุ้นจีน และหลายๆตลาดในเอเชียยังปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน จึงเหลือเพียงตลาดหุ้นไทยและตลาดญี่ปุ่นที่เปิดทำการ ซึ่งการที่มีสภาพคล่องมากจึงส่งผลให้มีแรงขายออกมาจำนวนมาก
หุ้นในกลุ่มที่ได้รับกระทบค่อนข้างมาก คือ กลุ่มการท่องเที่ยวและกลุ่มการขนส่ง โดยรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยมีสัดส่วนมากถึง 10% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นสัดส่วนของนักท่องเที่ยวจีนสูงถึง 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จึงต้องติดตามการแก้ปัญหาว่าจะสามารถหานักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นเข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปได้หรือไม่
"วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นบ้านเราได้รับกระทบจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ช่วงเช้าจะเห็นว่าหลายเราได้ว่าดัชนีเราปรับตัวลดลงมาเยอะ โดยฉพาะในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากอย่างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและขนส่ง ก่อนที่ช่วงสายทุกกลุ่มลงมาหมด แต่บางกลุ่มอย่างกลุ่มการแพทย์ และกลุ่มที่ได้รับผลดีจากภาวะในประเทศ ไม่ควรจะปรับตัวลดลงตามไปกับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ อยากจะฝาก คือ ณ วันนี้ข้อมูลที่เราทราบยังไม่ละเอียดว่าผลกระทบจะมากน้อยแค่ไหน ฉะนั้น เชื่อว่าจะมีการปรับตัวขึ้น-ลงมาก"นายภากร กล่าว
ดังนั้น แนะนำให้นักลงทุนติดตามข่าวสารข้อมูลให้รอบด้าน และศึกษาให้ดีก่อน โดยมองว่าการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นนั้นไม่ควรเกิดขึ้นพร้อมกันทุกอุตสาหกรรม เพราะมีทั้งอุตสาหกรรมที่ได้รับปัจจัยบวกและอุตสาหกรรมที่ได้รับปัจจัยลบ กลุ่มใดที่ได้รับผลกระทบมากก็จะปรับตัวลดลงมาก แต่หากกลุ่มใดได้รับผลกระทบไม่มาก และอาจจะถือว่าเป็นปัจจัยบวก ก็ควรจะมีการรีบาวด์ขึ้นได้มากเช่นกัน
"ช่วงเช้าเราได้มีการแจ้งไปยังกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยถึงสถานการณ์ความไม่ปกติที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่หากเกิดสถานการณ์เราก็จะมีการแจ้งไป"นายภากร กล่าว
นายภากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน ตลท.มีเครื่องมือดูแลภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นอยู่แล้ว โดยเฉพาะมาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ หากตลาดหุ้นร่วงแรงไปถึง 10% โดยเชื่อว่าสามารถรับมือกับสถานการ์ดังกล่าวได้แน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายังไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือดังกล่าวในวันนี้