นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังปรับตัวลงอยู่ แม้ระหว่างทางอาจจะรีบาวด์ได้บ้างแต่ก็น่าจะยังอยู่ในแดนลบ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบกัน โดยเฉพาะตลาดที่เปิดทำการในวันนี้จะติดลบถึง 2% ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นติดลบอยู่จากเงินเยนที่แข็งค่าด้วย ส่วนดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้ได้เคลื่อนไหวในแดนบวก ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, โรงแรม, การค้าโลก รวมถึงสินค้าฟุ่มเฟือย ยังคงปรับตัวลง ซึ่งตอนนี้ก็ต้องรอดูว่าโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากเมืองอู่ฮั่นของจีนที่แพร่กระจายไปหลายประเทศที่เกิดขึ้นนั้นจะกระทบเศรษฐกิจโลกมากแค่ไหน
นอกจากนี้ บ้านเราก็มีปัจจัยที่ยังต้องรอดูในเรื่องร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ทำให้หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังไม่ดี อย่างไรก็ดี ช่วงนี้หากจะลงทุนก็ให้เลือกหุ้นที่ให้ปันผลดีจะดีกว่า
พร้อมให้แนวรับ 1,512-1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,535-1,540 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 ม.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,535.80 จุด ร่วงลง 453.93 จุด (-1.57%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,243.63 จุด ลดลง 51.84 จุด (-1.57%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,139.31 จุด ลดลง 175.60 จุด (-1.89%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 216.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 53.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 67.29 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 14.24 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ม.ค.63) 1,524.15 จุด ลดลง 45.40 จุด (-2.89%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,724.94 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ม.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 ม.ค.63) ปิดที่ระดับ 53.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ม.ค.) อยู่ที่ 1.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.75/79 อ่อนค่าจากวานนี้หลังมีเงินไหลออกต่อเนื่อง มองกรอบวันนี้ 30.70-30.85
- เอกชนท่องเที่ยว ชี้ผลกระทบไวรัสโคโรนา ลามนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง เร่งรัฐออกมาตรการเยียวยา ททท.คาด 3 เดือน กระเทือนท่องเที่ยวไทยเฉียด 1 แสนล้านบาท ม.หอการค้าไทย คาดสูญ 8 หมื่นล้านบาท ถึง 1 แสนล้านบาท ฉุดจีดีพีไทย 0.5-07 % คลังเล็งถกหน่วยงานเกี่ยวข้องรับมือผลกระทบ "พิพัฒน์" รายงานสถานการณ์ ครม.วันนี้
- "สมคิด" ย้ำประมูล 5G ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ พลิกโฉมประเทศไทยทั้งวงการธุรกิจ อุตสาหกรรมและการบริการ อ้อนค่ายมือถือเข้าร่วมประมูล ยันไม่ใช่การผลักภาระให้ภาคเอกชน ย้ำรัฐพร้อมช่วยทุกเรื่อง กสทช.คาด 5G สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจปี 63 กว่า 1.77 แสนล้านบาท ด้าน "เอไอเอส-ทรู" แจงปัญหาไม่ได้อยู่ที่การประมูล ขอรัฐคืนเงินบางส่วนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมขอ กสท โทรคมนาคม-ทีโอที ไม่ควรแข่งกับเอกชน
- "ศักดิ์สยาม" เตรียมชง ครม. จัดประชุมทางไกล "รถไฟไทย-จีน" เพื่อตกลงสัญญา 2.3 ซื้อระบบไฮสปีด หลังจีนเผชิญไวรัสโคโรนา เผยนายกฯ เปิดทางใช้งบกลาง 90 ล้านบาท เร่งออกแบบรถไฟ "ชุมพร-ระนอง" เชื่อมอันดามัน-อีอีซี และพร้อมปรับแนวรถไฟแลนด์บริดจ์ "สงขลาสตูล" ลดผลกระทบประชาชน
- รมว.พลังงานมั่นใจโรงไฟฟ้าชุมชนได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ ม.ค.นี้ เดินหน้าประมูล ก.พ.รับซื้อ 700 เมกะวัตต์ ยันตามกติกา เปิดให้กับทุกคนที่มีสิทธิ เตือนเอกชนไม่มีวิ่งเต้นหรืออ้างชื่อรัฐมนตรีช่วยเหลือ เผย กฟผ.นำร่องก่อน 2 โรงไฟฟ้าปีนี้ เชื้อเพลิงเนเปียร์พันธุ์ใหม่-ซังข้าวโพด-ไม้ยูคาลิปตัส
- "ประยุทธ์" ฟุ้งเศรษฐกิจไทยปี 63 โต 3.3-3.8% แจงรัฐบาลเร่งออกมาตรการจูงใจดึงเอกชนลงทุน ด้าน ส.อ.ท.ยอมรับกังวลงบประมาณ 63 ล่าช้า แนะรัฐใช้ตัวแทนเอกชนนั่งพิจารณางบฯ หวั่นขาดปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
*หุ้นเด่นวันนี้
- SISB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.90 บาท เป็นหุ้น Defensive ที่มีรายได้สม่ำเสมอ เป็นหลุมหลบภัยที่ดีท่ามกลางความเสี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัส ภัยแล้ง และงบลงทุนล่าช้า โดยคาดกำไร Q4/62 ที่ 60 ล้านบาท ทรงตัว Q-Q เพราะไม่มีรายได้กิจกรรมพิเศษช่วงปิดภาคเรียนเหมือน Q3/62 แต่ +88% Y-Y จากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น ทำให้คาดกำไรทั้งปี 2562 +108% Y-Y เป็น 215 ล้านบาท และปีนี้โตต่อ 34% Y-Y พร้อมคาดหวังการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาวได้ บริษัทพัฒนาหลักสูตรการเรียนอย่างต่อเนื่อง มีการปรับปรุงห้องเรียนสำหรับชั้น Nursery เพิ่มห้องเรียนชั้นมัธยม คาดเปิดสอน ส.ค. 2564 จุนักเรียนได้เพิ่ม 600 คน
- TU (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 18.1 บาท ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโรส่งผลบวกโดยตรงต่อธุรกิจของ TU เพราะมีรายได้หลักมาจากการส่งออกคิดเป็น 75% ของรายได้รวม โดยทุกๆ 1 บาทที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า เมื่อเทียบกับยูโรจะทำให้กำไรของ TU เพิ่มขึ้นประมาณ 600 -700 ล้านบาท