นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซัสโก้ (SUSCO) กล่าวว่า บริษัทติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด เพราะตั้งแต่ต้นปี 63 มีความผันผวนค่อนข้างมาก จากที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลาง แต่ล่าสุดราคาน้ำมันดิบร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดวานนี้ (27 ม.ค.) ที่ 53.14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากความกังวลการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างรวดเร็ว อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก เพื่อรับมือในการบริหารจัดการสต็อกน้ำมัน และยอดขายน้ำมันของบริษัท
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตั้งเป้าหมายปริมาณขายน้ำมันในปีนี้จะขยายตัว 8% จากปีก่อน ตามการขยายฐานลูกค้า และวางแผนใช้เงินลงทุนปีนี้ราว 500 ล้านบาท เพื่อขยายสถานีบริการน้ำมันอีก 20 แห่ง จากสิ้นปี 62 ที่มีประมาณ 240 แห่ง
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับแผนการจำหน่ายน้ำมันประเภทต่าง ๆ ภายในสถานีบริการ หลังจากที่กระทรวงพลังงานประกาศให้น้ำมัน B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานตั้งแต่ต้นปีนี้ และให้มี B10 จำหน่ายทุกสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศภายใน 1 มี.ค.63 ขณะเดียวกันก็ได้ยกเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 พร้อมกับให้แก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐานตั้งแต่ไตรมาส 3/63 นั้น ซึ่งการปรับจำหน่ายน้ำมันแต่ละประเภทนั้น ต้องพิจารณาถึงความต้องการน้ำมันในแต่ละพื้นที่ด้วย
โดยในส่วนของกลุ่มเบนซิน เบื้องต้นบริษัทจะยังจำหน่ายเบนซิน ออกเทน 95 ต่อไป , E85 ปัจจุบันมีขาย 10 แห่ง แต่ยอดขายไม่ดีนัก เพราะผู้ใช้นิยมเติม E20 มากกว่า ส่วนแก๊สโซฮอล์ 95 นั้นขณะนี้ยอดขายดีกว่าแก๊สโซฮอล์ 91 เพราะราคาใกล้เคียงกัน ดังนั้น เมื่อยกเลิกขายแก๊สโซฮอล์ 91แล้ว ก็อาจจะปรับหัวจ่ายไปจำหน่ายดีเซล B10 ทดแทน
"แม้ยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 แต่กลุ่มดีเซลก็มีชนิดน้ำมันมากขึ้น โดยลูกค้าที่เติม B20 ได้ก็เติมเหมือนเดิม แม้โปรโมชั่นของภาครัฐจะลดลงจากถูกกว่า B7 อัตรา 5 บาท เหลือ 3 บาทต่อลิตร ซึ่งบริษัทเองก็กังวลหากเลิกขาย B20 บางปั๊มเปลี่ยนมาเป็น B10 ยอดขายของกลุ่มที่ใช้ B20 ได้อาจลดลง และหันไปเติมปั๊มอื่นที่ยังขาย B20 อยู่แทน"นายชัยฤทธิ์ กล่าว