นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน และมีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้ เนื่องจากยังมีความกังวลหลายปัจจัยลบกันอยู่ ทั้งเรื่องการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา และเรื่องศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ซึ่งต่างก็ยังเป็นเรื่องที่ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป และราคาน้ำมันก็ยังปรับตัวลงด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบราว -0.2% ถึง -0.4% โดยตลาดหุ้นไต้หวันเช้านี้ปรับตัวลงแรงถึง 3% ซึ่งต่างก็ยังวิตกการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา
พร้อมให้แนวรับ 1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ม.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,734.45 จุด เพิ่มขึ้น 11.60 จุด (+0.04%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,273.40 จุด ลดลง 2.84 จุด (-0.09%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,275.16 จุด เพิ่มขึ้น 5.48 จุด (+0.06%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 94.82 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 130.02 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 185.48 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.78 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 4.14 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้เนื่องในวันตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ม.ค.63) 1,524.59 จุด เพิ่มขึ้น 11.33 จุด (+0.75%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,752.19 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ม.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ม.ค.63) ปิดที่ระดับ 53.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ม.ค.) อยู่ที่ 1.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.07 อ่อนค่าต่อเนื่องจากวิตกการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา พร้อมมองกรอบวันนี้ 31.00-31.15
- นายกฯนัดครม.เศรษฐกิจ ถกรับมือไวรัสโคโรนา "สมคิด"สั่งคลอดมาตรการไทยเที่ยวไทย ด้าน "แบงก์" โดดอุ้ม กลุ่มโรงแรม ออกมาตรการพักหนี้ 6 เดือนถึง 1 ปี ขณะคปภ.ผนึก ททท. ทำประกันโรคปอดอักเสบให้นักท่องเที่ยวต่างชาติฟรี "พิพัฒน์" เหยียบเบรกยืดเว้นฯวีซ่าวีโอเอจีน หลังรัฐสั่งศึกษาผลดี-ผลเสีย ขณะ "ทัวร์จีน" วูบ 36% หลังจีนมีคำสั่งห้ามทำทัวร์ "ทีทีเอเอ" ระบุ 14 แอร์ไลน์คืนเงินค่าตั๋วบินจีน
- ศาลรัฐธรรมนูญ รับวินิจฉัยคำร้อง ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 โมฆะหรือไม่ ปม ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน นัด "ฉลอง-ภิม-สมบูรณ์" ให้ข้อมูล 4 ก.พ. "วิษณุ" ยันมีแผนรองรับมากกว่า 3 ทาง "สมคิด" สั่งคลัง-สำนักงบฯเตรียมแผนสำรอง จ่อชงร่าง พ.ร.บ.งบฯ ฉบับเดิมเข้าสภาฯอีกรอบ แย้มกู้เงินลงทุนฯก่อนนำงบประมาณมาใช้คืน
- คลังปรับลดประมาณการณ์จีดีพี ปี 63 จากเดิมขยายตัว 3.3% เหลือ 2.8% ส่งออกโต 1% พร้อมคาดหวังการลงทุนภาคเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกับการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ ย้ำเม็ดเงินลงทุนของรัฐบาลไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแน่ แม้การใช้งบปี 63 อาจต้องล่าช้าออกไปถึง มี.ค. นี้ พร้อมประเมินการระบาดไวรัสโคโรนาทำให้ยอดนักลงทุนต่างชาติวูบกว่า 4 แสนราย
- นายทองชัย ชวลิตเชษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือนธันวาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 99.02 ลดลง 4.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ระดับ 103.52 แต่ถือว่าปรับตัวดีขึ้น 2.13% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่หดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.09% อยู่ที่ระดับ 96.95 อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 63.96% จากเดือนก่อนอยู่ที่ 63.29% ส่วนภาพรวมเอ็มพีไอปี 2562 ทั้งปีลดลง 3.7% อัตราการใช้กำลังการผลิตทั้งปีอยู่ที่ 66.3%
*หุ้นเด่นวันนี้
- AOT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 88 บาท AOT มีรายได้จากกิจการการบิน 56% อีก 44% ไม่เกี่ยวกับการบิน มีผู้โดยสารชาวจีนราว 25% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด หากนักท่องเที่ยวจีนหายไปทั้งปี คาดเบื้องต้นว่ากระทบมูลค่าหุ้นราว 10% ราคาหุ้นปรับลงแล้ว 10% จากวันที่ 17 ม.ค. ซึมซับข่าวร้ายไปมากแล้ว ด้านราคาหุ้นปัจจุบันเท่ากับช่วงก่อนประกาศผลประมูล Duty Free สุวรรณภูมิกลางปีก่อน ซึ่งผลตอบแทนขั้นต่ำในสัญญาใหม่สูงกว่าปัจจุบัน 3 เท่าในปีแรก เริ่ม ต.ค. 2563 เป็นต้นไป เป็นรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้อาจใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าโคโรนาไวรัสจะหยุดระบาดและนักท่องเที่ยวจีนลดลงมาก แต่ภาพระยะยาวของ AOT ยังแข็งแกร่ง
- INTUCH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 81 บาท INTUCH เหมาะสำหรับหลบภัยในภาวะตลาดผันผวน เนื่องจากจ่ายปันผลสม่ำเสมอและให้ Dividend yield สูง ประมาณ 4.5% ต่อปี สูงกว่าเมื่อเทียบกับ ADVANC ที่ 3.5% ขณะที่ราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนมูลค่าเงินลงทุน (NAV) ใน ADVANC และ THCOM โดยมี Discount จากมูลค่า NAV ถึง 28% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 20-25%