นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาการเงินของบมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี(AGE) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายถ่านหินคุณภาพดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯอยู่ระหว่างการจัดเตรียมการยื่นคำขออนุญาตและคาดจะสามารถยื่นคำขออนุญาตได้ภายในช่วงต้นเดือน เม.ย. เพื่อเสนอขายหุ้น IPO ของ AGE ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
และคาดว่าจะนำ AGE นำเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ได้ภายในปลายไตรมาส 2/51 หรีอต้นไตรมาส 3/51
นายสมภพ คาดว่า จากการขายหุ้น IPO จะระดมทุนได้ประมาณ 200-300 ล้านบาท เพื่อจะนำไปก่อสร้างคลังสินค้า อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี หลังจากที่ซื้อที่ดินแล้ว 200 ไร่
AGE เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 35 ล้านหุ้น หลังขายหุ้น IPO ทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 140 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มี 105 ล้านบาท พาร์ 1 บาทต่อหุ้น โดยหุ้น IPO ครั้งนี้ส่วนใหญ่จะกระจายให้กับนักลงทุนรายย่อย ส่วนกลุ่มสถาบันจะจัดสรรให้ 10%
"เราเชื่อว่า หุ้นเอเชีย กรีน จะได้รับความสนใจ เพราะดำเนินธุรกิจที่มีอัตราเติบโตสูงปีละ 30-40% และอัตราทำกำไรก็อยู่อัตราสูง" นายสมภพ กล่าว
ด้านนายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ AGE กล่วว่า บริษัทตัดสินใจเตรียมตัวนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด mai เพื่อระดมทุนและนำเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO มาใช้ในการขยายธุรกิจ โดยไปลงทุนในการก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม เพื่อขยายการให้บริการกับลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น รวมทั้งนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มปริมาณการนำเข้าและจำหน่ายถ่านหินต่อไป
เนื่องจากเห็นว่าแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจนำเข้าถ่านหินจะขยายตัวได้อย่างมาก เป็นผลมาจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากเปลี่ยนมาใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมันเตา โดยในช่วงระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตของยอดขายเป็นอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ปัจจุบันมีลูกค้าเป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่กว่า 300 ราย
"บริษัทได้เล็งเห็นถึงโอกาสและศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจทีเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต บริษัทได้ตัดสินใจเตรียมตัวที่จะนำเข้าบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อเป็นการเตรียมแผนรองรับการขยายการเติบโตของธุรกิจในอนาคต" นายพนมกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มอีก 1 แห่ง ในภาคตะวันออก หลังสร้างคลังสินค้าที่จ.เพชรบุรีแล้ว โดยจะได้ข้อสรุปพื้นที่สร้างในไตรมาส 2/51 หรือ ไตรมาส 3/51 หากได้ข้อสรุปการลงทุนที่ชัดเจนบริษัทอาจใช้แนวทางการระดมทุนหลายรูปแบบ เช่น อาจเพิ่มทุน หรือ ใช้เงินกู้สถาบันการเงิน
"คลังสินค้าของเราไม่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมกับประชาชน และหน่วยงานราชการในพื้นที่ ทั้งที่ เขาย้อย และ สมุทรสาคร และเรามีระบบคลังสินค้าที่ดี เชื่อว่าในอนาคตคลังสินค้าที่อื่นก็จะไม่มีปัญหา" นายพนม กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท คาดว่าปี 51 จะมีรายได้ 1.5 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิคิดเป็น 6% ของรายได้ และในปี 52 บริษัทเชื่อว่ารายได้จะเพิ่มเป็น 2.5 พันล้านบาท เนื่องจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานทั้งกลุ่มธุรกิจอาหาร , อาหารแช่แข็ง , อาหารกระป๋อง , กลุ่มผู้ผลิตกล่องกระดาษ ต่างหันมาใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง และแนวโน้มถ่านหินจะเติบโตดีขึ้น โดยปี 51 คาดว่าจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 20 ราย จากปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 300 ราย
สำหรับแหล่งถ่านหินที่นำเข้ามาจากอินโดนีเซีย โดยมีอายุสัญญา 3 ปี และได้ราคาต้นทุนซื้อถ่านหินถือว่าอยู่ระดับที่ดี เมื่อเทียบกับคุณภาพถ่านหินดีที่ให้ความร้อนถึง 6 พันแคลอรี่ นอกจากนี้ บริษัทได้ทำสํญานำเข้าถ่านหิน 4.5 ล้านตัน และสต็อกปัจจุบันมีอยู่ 2-3 เดือน รวมจำนวนประมาณ 3 แสนตัน
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--