โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซาบีน่า (SABINA) จากทิศทางผลประกอบการไตรมาส 4/62 อาจจะออกมาดีกว่าคาด เบื้องต้นกำไรจะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากสินค้า Body Bra The Series ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือน ก.ย.62 ได้รับการตอบรับดี และยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นจากแคมเปญ 11.11 และ 12.12 โดยเฉพาะจากที่ SABINA มียอดขายอันดับหนึ่งในกลุ่มสินค้าในกลุ่มแฟชั่นในช่วง 12.12
ขณะที่แนวโน้มกำไรปี 63-64 ยังคงเติบโต แต่อาจมีอัตราชะลอลงจากช่วงที่ผ่านมาตามยอดขายที่ชะลอลง แต่อัตรากำไรยังดีจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าจ้างผลิต และการรุกขยายช่องทางขายใหม่ โดยเฉพาะออนไลน์ ส่วนการปิดโรงงานของจีนเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนาขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการจ้างผลิตสินค้า เพราะยังมีสต็อกเพีงพอขายใน 2-3 เดือน รวมถึงยังมีการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงต่อเนื่อง ทำให้มีความน่าสนใจลงทุน
พักเที่ยงราคาหุ้น SABINA อยู่ที่ 23.10 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 0.86% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.34%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 31.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 32.00 กรุงไทย ซีมิโก้ ซื้อ 32.00 ทิสโก้ ซื้อ 26.50
นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/62 ของ SABINA อาจจะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเป็นผลมาจากการที่ยอดขายช่องทางออนไลน์เติบโตมาก จากกิจกรรม 11.11 และ 12.12 มีมูลค่าสูงถึง 90-100 ล้านบาท มากกว่าที่คาดไว้ 10-20%
สำหรับแผนงานของ SABINA วางเป้าจะลดช่องทางจำหน่ายที่ไม่ทำกำไร โดยเริ่มปิดสาขาของร้านค้าย่อยในต่างจังหวัดลงราว 30% ในปีนี้เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มยอดขายผ่าน Mobile pop-up store ตามลานแสดงสินค้าของห้างสรรพสินค้าช่วงปลายเดือนถึงต้นเดือนของแต่ละเดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีรายได้มากที่สุดของเดือน ตลอดจนลดความสำคัญของร้านในห้างสรรพสินค้า เน้นสาขาที่ใช้พื้นที่น้อยลง รวมถึงสต็อกสินค้าน้อยลง เป็นต้น
พร้อมกับยังคงเน้นตลาดออนไลน์ และเพิ่มช่องทางแคทตาล็อก ซึ่งเป็นตลาดกลุ่มใหม่ที่เข้าไม่ถึงสินค้าของ SABINA เช่น กลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ช่องทางออนไลน์เข้าไม่ถึง ขณะที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ชอบสินค้าราคาประหยัด คุณภาพดี ไม่เน้นแฟชั่น
นอกจากนี้ SABINA ยังได้เพิ่มสัดส่วนรายได้จากการสินค้าที่จ้างผลิตติดแบรนด์ SABINA (Sourcing) ขึ้นเป็น 35% ในปี 63 จาก 30% ในปี 62 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น ยังขยายตัวมาที่ 54.2% จาก 53.4% ในปีที่แล้ว
ส่วนผลกระทบจากการปิดโรงในจีนเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้นยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจาก SABINA มีการสต็อกสินค้าก่อนช่วงวันหยุดยาวของจีนไว้แล้วจำนวนหนึ่งซึ่งมากเพียงพอในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า SABINA ตั้งเป้ายอดขาย 5 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ยที่ 7-10% ต่อปี จากช่องทางใหม่ทั้งในประเทศและการส่งออก ทั้งตลาดออนไลน์ และออฟไลน์ และตั้งเป้ารายได้จากช่องทางการขายผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 26% จาก 11% ในปัจจุบัน ส่งผลให้กำไรสุทธิจะเติบโตได้มากกว่ารายได้
ด้านประเด็นการเริ่มเก็บค่าคอมมิชชั่นของตลาดออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee ไม่มีผลให้ค่าใช้จ่ายในการตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจาก SABINA ได้กันงบส่วนนี้ไว้อยู่แล้วเพียงแต่ช่วงที่มีค่าใช้จ่ายคอมมิชชั่นไม่สูงจะนำงบส่วนนี้ไปทำการตลาดส่วนอื่น แต่เมื่อมีค่า คอมมชิชั่นสูงขึ้นก็จะไปลดการใช้งบกับกิจกรรมอื่นทดแทน
"เป้าหมายของ SABINA สูงกว่าประมาณการของเราค่อนข้างมาก เราคาดรายได้เติบโตเฉลี่ยที่เพียง 3.2% ต่อปี ในช่วงปี 62-67 และกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยปีละ 3.3% จึงอาจจะมีการปรับประมาณการเพิ่มขึ้นได้"นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับประมาณการกำไรของ SABINA ช่วงปี 63-64 ลง 1-3% สะท้อนยอดขายที่ชะลอตัวลง แต่ภาพรวมกำไรยังคงเติบโตเฉลี่ย 11% ต่อปี จากอัตรากำไรคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าจ้างผลิต รวมถึงการขยายช่องทางออนไลน์ ทีวี และแคทตาล็อก ทำให้มีโอกาสเติบโตสูงจากฐานที่ต่ำ โดย SABINA วางเป้าที่จะมียอดขายจากช่องทางเหล่านี้เติบโตเฉลี่ย 25-30% ต่อปี ทำให้สัดส่วนเพิ่มจาก 10% ในปี 62 เป็น 26% ในปี 67 ส่วนยอดขายผ่านทางร้านสาขาคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 3-5% ต่อปี ,การส่งออกเติบโตเฉลี่ย 30-35% ต่อปี ส่วนการรับจ้างผลิต (OEM) คาดว่าทรงตัว
สำหรับการจ้างผลิตสินค้าจากจีนนั้น SABINA ไม่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานของจีนหลังมีการระบาดของไวรัสโคโรนา และคาดว่าจะกลับมาสั่งสินค้าจากจีนตามปกติในช่วงไตรมาส 1/63 ทำให้สัดส่วนสินค้าจ้างผลิตในปี 63 เพิ่มขึ้นเป็น 35% จาก 30-32% ในปี 62 ผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้น SABINA ยังเริ่มจ้างผลิตจากโรงงานในเวียดนาม เป็นการกระจายความเสี่ยง และเพื่อเป็นฐานในการเพิ่มยอดขายในเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูงด้วย
ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 4/62 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีฐานต่ำ และการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากสินค้า Body Bra The Series ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือน ก.ย.62 ได้รับการตอบรับดี และยอดขายทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในแคมเปญ 11.11 และ 12.12 ซึ่ง SABINA มียอดขายอันดับหนึ่งในกลุ่มสินค้าในกลุ่มแฟชั่นสำหรับการขายในช่วง 12.12 อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าลดลงเล็กน้อยเป็น 53.8% จากการเลื่อนรับสินค้าที่จ้างผลิตจากจีน เนื่องจากยอดขายชะลอในช่วงไตรมาส 3/62 ทำให้ยังมีสต็อกเพียงพอ พร้อมกันนี้คาดจะมีเงินปันผลของช่วงครึ่งหลังปี 62 ที่ 0.60 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปีที่ 2.6%
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SABINA จะประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 4/62 เติบโต 58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่จะทรงตัวจากไตรมาส 3/62 ซึ่งมาจากโปรโมชั่นออนไลน์ในช่วง 11.11 และ 12.12 ที่สร้างระดับสูงสุดใหม่ในช่องทางจำหน่ายที่ไม่ใช่สาขา นอกจากนี้ยังคาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นมาอยู่ที่ 55% โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากช่องทางขายออนไลน์ ที่เพิ่มขึ้นมาที่ 11% ในช่วงไตรมาส 4/62 ซึ่งส่วนใหญ่สินค้าที่จำหน่ายในช่องทางดังกล่าวเป็นสินค้าที่สั่งผลิตจากต่างประเทศที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า
ขณะที่ปี 63-64 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับการเติบโตระดับ 35% ต่อปีในปี 60-62 จากการเติบโตของรายได้ที่ค่อนข้างตึงตัวเฉลี่ย 8% ต่อปี และ SABINA เน้นความสามารถในการทำกำไรมากยิ่งขึ้นผ่านการควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่าย ซึ่งที่ผ่านมาสามารถทำได้ดีจากอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงต้องติดตาม คือ การบริโภคในประเทศที่ชะลอตัว การแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งและสินค้า House Brand ของช่องทางการจัดจำหน่าย ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และการขาดแคลนแรงงานและค่าแรงปรับขึ้น