บลจ.แอสเซท พลัส ตั้งเป้า AUM ปีนี้โตเป็น 4 หมื่นลบ.พร้อมส่งกอง ASP-PROPIN ชูทางเลือกกระจายเสี่ยงตลาดผันผวน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 30, 2020 17:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคมสัน ผลานุสนธิ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ปี 63 เพิ่มขึ้นอีก 5,000-7,000 ล้านบาท ทำให้สิ้นปีนี้คาดอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มี AUM อยู่ที่ 32,500 ล้านบาท โดยจะมาจากกองทุนรวมที่จะเติบโตอีก 3,000-5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท และไพรเวทฟันด์ เติบโตอีก 2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 6,700 ล้านบาท

ทั้งนี้ จะมุ่งเน้นกองทุนที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอและไม่ผันผวน เช่น กองทุน ASP-DPLUS ที่ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 3,000-5,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีขนาดกองทุนอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท, กองทุน ASP-AAA ที่จะลงทุนในมัลติ แอสเซ็ท เน้นในประเทศไทยเป็นหลัก แบ่งเป็น ตราสารหนี้ไทย 60% กองรีทและอินฟราฟันด์ 10% และหุ้นทั่วโลกที่จะเน้นลงทุนดัชนี 30% โดยมีผลตอบแทนจากการลงทุนในปีที่แล้วอยู่ที่ 5.3-5.4% และมีขนาดกองทุนอยู่ที่ 400 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโต 1,500-2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัส อสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน เฟล็กซิเบิล (ASP-PROPIN) เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ที่สนใจกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนและเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในช่วงที่สภาวะตลาดผันผวน โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุน Fund of Funds ระดับความเสี่ยง 8 มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุน TH REITs, TH Infrastructure และ SG REITs รวมถึงลงทุนใน Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund ที่ลงทุนในหุ้น Global Infrastructure ผ่านการคัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม

กองทุนดังกล่าวมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน ซึ่งกองทุน ASP-PROPIN มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท กำหนดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันนี้ ถึง 7 ก.พ.63

สำหรับการเสวนาในงาน Asset Plus Investment Forum 2020 : ภาพรวมของตลาดและการลงทุนทั่วโลกในปี 2020 บลจ.แอสเซท พลัส ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยในปีนี้ คาดการณ์กรอบแนวต้านไว้ที่ 1,600-1,650 จุด โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1,450-1,500 จุด แนะนำการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก อย่าง กลุ่มไฟแนนซ์ และกลุ่มเทคโนโลยี โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในระดับ 30-50% ส่วนการลงทุนในกองทุนให้เลือกลงทุนในกองพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ และอินฟราฟันด์ เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่มั่นคงในระดับ 5% ขึ้นไป

ขณะที่ตลาดหุ้นโลกในปีนี้ มองว่ายังอยู่ในช่วงชะลอตัวในปลายวัฎจักร แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมามีการคลี่คลายของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ในขั้นแรก และทิศทางของการที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่อาจจะตกลงกันได้ภายในกำหนด จะหนุนให้ตลาดมีทิศทางฟื้นตัวต่อ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยที่รอการคลี่คลาย เช่น การตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ในขั้นถัดไป อีกทั้งในช่วงกลางปี ยังมีความเสี่ยงประเด็น เรื่องปัจจัยการเลือกตั้งของสหรัฐฯ โดยแนวโน้มของตลาดหุ้นมีทิศทางขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ส่งผลให้ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มผันผวน และอาจสร้างผลตอบแทนที่ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ฉะนั้น การลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียวอาจส่งผลให้พอร์ตมีความเสี่ยงมากจนเกินไป ในขณะที่การกระจายการลงทุนในตราสารหนี้อย่างเดียวก็ส่งผลให้พอร์ตมีผลตอบแทนที่ต่ำ

บลจ.แอสเซท พลัส แนะนำให้นักลงทุนกระจายน้ำหนักไปยังสินทรัพย์ทางเลือก เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบัน โดยลงทุนในกลุ่มที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ย (Yield Play) โดยเฉพาะในกลุ่ม REITs เนื่องจากภาพรวมของธนาคารกลางทั่วโลกยังคงดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างเต็มกำลัง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรค่อนข้างต่ำ และยังคงมีแนวโน้มที่จะต่ำในระยะสั้นถึงกลาง ทำให้สินทรัพย์ประเภท REITs ที่มักจะมีความผกผันกับอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตร มีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในปีนี้ เมื่อเจาะลึกลงไปพบว่ามูลค่าของพื้นฐานของ REITs แต่ละกลุ่มได้ผ่านจุดที่ต่ำที่สุดไปแล้ว และมีความน่าสนใจมากกว่าเมื่อเทียบกับอัตราการจ่ายผลตอบแทนของสินทรัพย์อื่น ๆ ทั้งยังสามารถเป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ