นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ แต่ก็มีลุ้นรีบาวด์ได้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่รีบาวด์ขึ้นราว 1% หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับและทำให้ตลาดสหรัฐฯปิดในแดนบวกขึ้นมาได้ จากความคาดหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
ส่วนตลาดบ้านเราเริ่มเห็นมีโครงการซื้อหุ้นของหลายบริษัทฯเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าราคาหุ้นได้ลงต่ำเกินไป ทำให้อาจจะมาช่วยปลุกแรงซื้อหุ้นตัวอื่นที่ปัจจัยพื้นฐานดี แต่ราคายังต่ำเกินไปได้ในแง่จิตวิทยา
สำหรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง 2% แต่ก็มีกระแสข่าวออกมาระบุว่าทางกลุ่มกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจเลื่อนการประชุมให้เร็วขึ้นเป็นเดือนกุมภาพันธ์ จากเดิมจะประชุมในเดือนมีนาคม และจะมีการขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตออกไป
พร้อมให้แนวรับ 1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530-1,535 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ม.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,859.44 จุด เพิ่มขึ้น 124.99 จุด (+0.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,283.66 จุด เพิ่มขึ้น 10.26 จุด (+0.31%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,298.93 จุด เพิ่มขึ้น 23.77 จุด (+0.26%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 171.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 308.48 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 72.29 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.60 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.71 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.34 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 20.49 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ม.ค.63) 1,523.99 จุด ลดลง 0.60 จุด (-0.04%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,273.53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ม.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ม.ค.63) ปิดที่ระดับ 52.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.19 ดอลลาร์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ม.ค.) อยู่ที่ 1.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.11 เกาะติดสถานการณ์ไวรัสโคโรนา หลัง WHO ประกาศภาวะฉุกเฉินหวังช่วยสกัดการแพร่ระบาด
- รัฐบาลห่วง "โคโรนา" กระทบท่องเที่ยว หวั่นกรณีร้ายแรงเท่าซาร์ฉุดรายได้ 5 เดือน ส่งผลจ้างงาน 10 ล้านคน ยันมีมาตรการรองรับ ธปท.กำชับ "แบงก์" ช่วย ลูกหนี้ "ธอส." จัดวงเงิน 1 พันล้าน ดอกเบี้ยเหลือ 0.01% "กรุงไทย" พักหนี้สูงสุด 1 ปี ศูนย์วิจัยกสิกรชี้เศรษฐกิจจีน สูญ 3 แสนล้านหยวน ฉุด "จีดีพี" 0.3% กระทบท่องเที่ยวไทย
- "เงินบาท" ดิ่งหนักทำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบ 7 เดือน หลัง นักลงทุนกังวลปัญหาแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา กระทบท่องเที่ยวไทย ฉุดยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง พบนักเก็งกำไรเร่งปิดสถานะเงินบาทส่งผลค่าเงินอ่อนเร็ว ประเมินแนวโน้มยังอ่อนค่าต่อเนื่อง
- "อุตตม" เผยเตรียมแผนรองรับทุกสถานการณ์ปัญหาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ระหว่างรอ คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ย้ำทุกหน่วยงานยังสามารถขอเบิกจ่ายงบฯ รายจ่ายประจำและงบฯ ลงทุนที่ผูกพันข้ามปีต่อไปได้ "ชวน" รับทราบศาลรธน.รับคำร้องเรื่อง พ.ร.บ.งบฯ 63 ไว้พิจารณาแล้ว เลขาสภาฯ แจงเหตุไม่มีชื่อ "นาที" เพราะเรื่องเพิ่งส่งมาถึง "อนาคตใหม่" เปิดคลิป พปชร.เสียบบัตรแทนกัน ชี้เป็นพฤติกรรมไม่เกรงกลัวกฎหมาย
- "ฟิทช์ เรทติ้งส์" เผยแบงก์ไทยยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น สะท้อนผ่านการเข้าซื้อกิจการธนาคารอื่นในภูมิภาค เชื่อผลจากการแข่งขันภายในประเทศที่รุนแรง สร้างแรงกดดันต่อผลดำเนินงาน ระบุการขยายธุรกิจในประเทศที่เครดิตต่ำ อาจส่งผลต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้
- นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยว่ารู้สึกเป็นกังวลอย่างมากว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยให้ชะลอตัวลง เนื่องจากได้ติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดแต่กลับพบว่าภาครัฐเน้นดูแลแต่ภาพลักษณ์ความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว เช่น การตรวจระบบป้องกันโรคภายในสนามบินแต่กลับลืมให้ความสำคัญกับการจัดการข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์ทั้งที่มีศูนย์ต้านเฟคนิวส์อยู่แล้วเพราะปัจจุบันเกิดข่าวปลอมเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคจนทำให้ประชาชนตั้งคำถามกับสถานการณ์ปัจจุบันว่ารัฐบาลควบคุมได้จริงหรือไม่หากมีข่าวปลอมเกิดขึ้นต่อเนื่องและประชาชนตื่นกลัวอาจทำให้ประชาชนไม่กล้าออกไปเที่ยวใช้จ่ายตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะสถานที่ที่นักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
*หุ้นเด่นวันนี้
- KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 164 บาท การประกาศซื้อหุ้นคืน 23.93 ล้านหุ้น (1% ของหุ้นชำระแล้ว) วงเงิน 4.6 พันลบ. ตั้งแต่ 14-27 ก.พ. 2563 เป็นการส่งสัญญาณว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เพราะราคาปัจจุบันต่ำกว่าแม้กระทั่ง Book value สิ้นปี 2562 ที่ 190 บาท/หุ้น ทั้งนี้การซื้อหุ้นคืนมีแต่ผลบวก ทำให้ EPS, BVPS, DPS และ ROE สูงขึ้น ขณะที่กระทบเงินกองทุนจำกัด ล่าสุด CAR อยู่ที่ 19.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม นอกจากนี้ ยังจ่ายเงินปันผล 4.50 บาท/หุ้น Yield 3.2% XD 9 เม.ย. จ่ายเงิน 30 เม.ย.
- PLANB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.20 บาท ราคาหุ้น 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลงเกือบ 20% จากข่าวการฟ้องนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลเอื้อประโยชน์ให้ PLANB เข้ามาบริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมฯ บริษัทแจ้งว่าดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนต่างๆ และส่งมอบรายได้ให้สมาคมฯเกิน minimum guarantee มาตลอด สัญญาดังกล่าวสร้างกำไรราว 80-100 ลบ./ปี หรือ 10-14% ของกำไรทั้งหมด หมดอายุสิ้นปี 2563 การระบาดของไวรัส กระทบจำกัด ลูกค้ายังใช้สื่อตามที่ book ไว้ ราคาหุ้นที่ปรับลงทำให้ PE เหลือเพียง 22 เท่า ถูกสุดตั้งแต่เข้าตลาดฯ
- MINT (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 44.5 บาท คลายกังวลต่อปัญหาไวรัสโคโรนาชั่วคราวหลังจาก WHO ไม่จำกัดการเดินทางและการค้ากับจีนช่วยหนุน Sentiment การลงทุนของหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวในช่วงสั้น โดยเลือก MINT เป็น Top pick ของกลุ่ม เพราะหากสถานการณ์เลวร้าย MINT ถือเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคนี้น้อยที่สุดในกลุ่ม