นายวิริทธิ์พล จุไรสิทธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า จากการประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2562 มั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างโดดเด่น จากการลงทุนขยายกองเรือในปีที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 9 ลำ แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศ จำนวน 6 ลำ และเรือเก็บน้ำมันดิบและน้ำมันเตา (Floating Storage Unit:FSU) ที่ให้บริการในต่างประเทศอีก 3 ลำ ซึ่งมากกว่าแผนงานเดิม เนื่องจากลูกค้ามีความต้องการใช้เรือ FSU สำหรับกักเก็บปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อรองรับกฎเกณฑ์ใหม่ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) กำหนดให้เรือเดินสมุทรต้องใช้น้ำมันเตาที่มีค่ากำมะถันต่ำไม่เกินกว่า 0.5% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63
"เรามั่นใจว่าผลงานปี 2562 จะมีการดำเนินงานที่ดีและขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับปี 2561 ภายใต้ธีม Growth Mode จากศักยภาพกองเรือที่มีขีดความสามารถให้บริการแก่ลูกค้าที่ดีขึ้น โดยมีจำนวนเรือให้บริการ ณ สิ้นปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 43 ลำ ทำให้ PRM สามารถเก็บเกี่ยวรายได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากความต้องการใช้เรือที่สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/62 มีรายการพิเศษบางรายการ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบกับผลการดำเนินธุรกิจในภาพรวมของทั้งปี 2562 และเชื่อมั่นว่าปี 2563 เราจะยังคงเดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้"นายวิริทธิ์พล กล่าว
นายวิริทธิ์พล กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นความกังวลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนานั้น บริษัทเฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและมีแผนรับมือที่ชัดเจนหากเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคปิโตรเลียมภายในประเทศ ซึ่งจากแผนดังกล่าว กลุ่มบริษัทมีความมั่นใจว่าจะรักษาอัตราการใช้เรือเฉลี่ยทั้งปีให้อยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง