(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวต่อเนื่อง ลุ้นกนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายวันนี้-ได้แรงหนุนจากจีนอัดฉีดสภาพคล่อง

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวต่อได้ เนื่องจากทางการจีนได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าตลาดและจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก อย่างการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกค้าชั้นดี เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

นอกจากนี้ให้ติดตามการแถลงนโยบายประจำปีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้านี้ และพรุ่งนี้ก็ติดตามประเด็นการถอดถอน"ทรัมป์" แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สำหรับสถานการณ์ไวรัสโคโรนาจะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น แต่จำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับทรงตัว แสดงให้เห็นว่าเริ่มที่จะควบคุมสถานการณ์ได้

ส่วนบ้านเราให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันนี้ ซึ่งตลาดคาดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย0.25% หวังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหากเป็นอย่างที่คาดไว้ก็จะดีต่อหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อ, อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงพวกกองรีท แต่อาจเป็นลบเล็กน้อยต่อกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ส่วนดาวโจนส์บวกแรงกว่า 400 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา และราคาน้ำมันฟิวเจอร์สเช้านี้กลับมาบวกหลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันได้ปรับตัวลง

พร้อมให้แนวรับ 1,510 จุด ส่วนแนวต้าน 1,535 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ก.พ.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,807.63 จุด พุ่งขึ้น 407.82 จุด (+1.44%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,297.59 จุด เพิ่มขึ้น 48.67 จุด (+1.50%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,467.97 จุด เพิ่มขึ้น 194.57 จุด (+2.10%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 266.88 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 9.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 193.34 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 45.63 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 19.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.10 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.84 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 64.54 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ก.พ.63) 1,519.38 จุด เพิ่มขึ้น 23.32 จุด (+1.56%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 431.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.พ.63
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ก.พ.63) ปิดที่ระดับ 49.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 50 เซนต์ หรือ 1%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ก.พ.) อยู่ที่ 2.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 31.00 อ่อนค่าจากวานนี้ มองกรอบเคลื่อนไหว 30.90-31.00 ตลาดรอลุ้นกนง.บ่ายนี้
• ครม. ไฟเขียวมาตรการอุ้มเศรษฐกิจ พยุงกลุ่มท่องเที่ยว ลดภาษีน้ำมันเครื่องบินเหลือ 0.20 บาทต่อลิตร พร้อมนำค่าใช้จ่ายอบรมสัมมนา-ปรับปรุงอาคาร หักภาษีได้ 1.5-2 เท่า พร้อมสั่งแบงก์รัฐฉีด "ซอฟท์โลน" 1.23 แสนล้านบาท อุ้มผู้ประกอบการท่องเที่ยว ด้าน "คลัง" มั่นใจไกลภาวะถดถอย เชื่อ "แบงก์ชาติ" ผ่อนนโยบายการเงินเพิ่ม ด้าน "ไลอ้อนแอร์" ชี้ลดภาษีน้ำมันประหยัดต้นทุนได้ 10%
• โอเปอเรเตอร์ 5 รายมาตามนัดยื่นซองประมูลคลื่น 5จี กสทช. ระบุอาจขายไลเซ่นส์เกิน 30 ใบจากที่ประเมินไว้เดิมที่ 25 ใบ รายได้เข้ารัฐทะลุ 7 หมื่นล้านบาท เร่งขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติก่อนประกาศจริง 12 ก.พ.นี้ ก่อนลุ้นเคาะราคาวันประมูล 16 ก.พ. มั่นใจเปิดบริการ 5จีได้ก่อน ก.ค.นี้ คาดค่ายมือถือรุมคลื่น 2600 MHz อาจเคาะราคาข้ามวัน ส่วนคลื่น 1800 MHz ไร้เงาคนประมูลเพราะราคาแพงลิ่ว
• กระแสของการซื้อหุ้นคืนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เริ่มมาตั้งแต่ปี 2561 โดยมีจำนวนรวม 19 บริษัท ต่อเนื่องถึงปี 2562 ที่มีบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนรวม 21 บริษัท ส่วนปี 2560 มีเพียง 3 บริษัท เท่านั้น
• สำนักวิจัย CIMB ไทย หั่นคาดการณ์จีดีพีปี 63 เหลือโต 2.3% จากโต 2.7% มอง 3 ปัจจัยเสี่ยง ต่างชาติชะลอลงทุน-งบประมาณล่าช้า-ไวรัสโคโรนาระบาด ฉุดนักท่องเที่ยวติดลบยาว หวั่นฉุดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกโตต่ำ 2%
• นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ธนาคารจึงออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้า ทั้งด้านสินเชื่อและด้านรับประกันการส่งออก เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอาจเกิดขึ้นในระยะ 6 เดือนข้างหน้า โดยมาตรการสนับสนุนด้านสินเชื่อ ลูกค้าสินเชื่อทั้งระยะยาวและระยะสั้นสามารถขอพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยได้สูงสุด6 เดือน รวมทั้งขยายระยะเวลาให้ต่ออายุตั๋วสัญญาใช้เงินเกินเทอมที่ธนาคารอนุมัติรวมกับอายุตั๋วเดิมแล้วไม่เกิน 360 วัน

*หุ้นเด่นวันนี้

• SPRC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 11.50 บาท ราคาน้ำมันดิบเริ่มมีปัจจัยบวกเข้ามาหลัง OPEC+ เตรียมพิจารณาลดกำลังการผลิตเพิ่มอีก 5 แสนบาร์เรล/วัน เพื่อลดผลกระทบจาก demand ที่ลดลงเพราะโคโรนาไวรัส โดยจะเลื่อนประชุมเร็วขึ้นเป็น 14-15 ก.พ. จากเดิมสิ้น มี.ค. ส่วนการลดการผลิตน้ำมันจะช่วยจำกัด downside ของราคาน้ำมัน ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิด stock loss ของโรงกลั่น ค่าการกลั่นระยะนี้เริ่มขยับขึ้นมาสูงกว่า US$1/บาร์เรล โดยวานนี้อยู่ที่ US$1.17/บาร์เรล เป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งคาดค่าการกลั่นจะกลับสู่ปกติปลาย Q1/63 หลังสต็อกน้ำมัน LSFO ทยอยหมดไป
• AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 25 บาท คาดกำไร Q4/62 ที่ 336 ล้านบาท -58% Q-Q เพราะยอดโอนที่ดินลดลง แต่ +189% Y-Y เพราะ Q4/61 มีรายจ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว กำไรทั้งปี 2562 คาด +80% Y-Y แต่ Backlog สิ้นปีก่อนที่มี 2.6 พันล้านบาท น้อยกว่าปกติที่น่าจะมีกว่า 3 พันล้านบาท จึงปรับกำไรปีนี้ลง 10% เป็น 1.8 พันล้านบาท -2% Y-Y แม้กำไรจะลดแต่ระดับ 1.8 พันล้านบาท ไม่แย่ สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อน ราคาหุ้นร่วงกว่า 30% ในช่วง 2 เดือนเพราะวิตกงบลงทุนล่าช้าและขายที่ดินพลาดเป้า แต่ P/E ที่ 9.8 เท่าต่ำสุดในรอบ 5 ปี
• JMT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า Bloomberg Consensus 23 บาท คาดแนวโน้มกำไรจะยังพุ่งทำ All time high ได้ทุกไตรมาสจากรายได้ของการเรียกเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตหรือฐานลูกหนี้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ในการบริหารทั้งหมด 1.4 แสนล้านบาท สามารถสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องไปได้อีกอย่างน้อย 12 ปี