นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีสัญญาณการรีบาวด์ขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้บวกเฉลี่ยราว 1% ตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับขึ้นได้ค่อนข้างดี จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี
ส่วนเรื่องสถานการณ์ไวรัสโคโรนาก็ยังอยู่ในระหว่างพยายามควบคุม แต่ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ายังไม่มีวัคซีนที่จะมารักษาได้ในขณะนี้ ด้านตลาดราคาน้ำมันก็ยังมีความคาดหวังจากการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งหากไม่ลดกำลังการผลิตเพิ่มอีก ก็อาจจะขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตออกไป เพราะขณะนี้ทางรัสเซียก็ไม่อยากจะลดกำลังการผลิตเพิ่มอีก
ส่วนบ้านเราอาจได้รับผลดีจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตราขึ้น โดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในวันที่ 7 ก.พ.นี้ นับเป็นกระบวนการที่เร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ โดยคาดหวังว่าจะผ่านได้ ทำให้อาจมีเก็งกำไรภาพรวมตลาดฯ ซึ่งคงจะต้องติดตามดูว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง และให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป
พร้อมให้แนวรับ 1,520 จุด ส่วนแนวต้านสำคัญที่ 1,545 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ก.พ.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,290.85 จุด พุ่งขึ้น 483.22 จุด (+1.68%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,334.69 จุด เพิ่มขึ้น 37.10 จุด (+1.13%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,508.68 จุด เพิ่มขึ้น 40.71 จุด (+0.43%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 321.54 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิด เพิ่มขึ้น 8.80 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 387.79 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 31.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 19.14 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 15.24 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.09 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ก.พ.63) 1,534.14 จุด เพิ่มขึ้น 14.76 จุด (+0.97%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,586.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.พ.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ก.พ.63) ปิดที่ระดับ 50.75 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ก.พ.) อยู่ที่ 2.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.03 อ่อนค่าจากวานนี้ แนวโน้มผันผวนตามแรงซื้อขาย คาดกรอบวันนี้ 30.90-31.10
- มติ กนง. เอกฉันท์ "หั่น" ดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 1% สู่ระดับต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ยอมรับ 3 ปัจจัย "ไวรัส-งบปี 63-ภัยแล้ง" ถ่วงเศรษฐกิจโตต่ำกว่าศักยภาพมากขึ้น หวังดอกเบี้ยลดหนุนสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพิ่ม เอื้อการปรับโครงสร้างหนี้ ด้าน "กสิกรไทย" นำร่องลด "เอ็มอาร์อาร์" 0.25% อุ้มรายย่อย ขณะสำนักวิจัยฯ พาเหรดปรับ "จีดีพี" ด้าน กกร. เคาะจีดีพีเหลือโต 2-2.5%
- กกร.ชงรัฐบาลเพิ่ม 5 มาตรการพยุงเศรษฐกิจ เร่งคลอดใน ก.พ.นี้ หลังโคโรนากระทบท่องเที่ยวหนัก 1-2 แสนล้านบาท "สทท." ระดมสมอง เล็งเสนอนายกฯ ผ่อนปรนเงื่อนไขภาษี-การเงินเอสเอ็มอีไซส์เล็ก กันเงิน 1 แสนล้านบาท หนุนท่องเที่ยว "สมคิด" สั่งคลังเพิ่มมาตรการไทยเที่ยวไทย
- ตลท.มั่นใจหุ้นไทยฟื้นจากไวรัสโคโรนาเร็ว หลังพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีภูมิต้านทานดี แข็งแกร่ง แม้ในเดือน ม.ค.จะถูกกระทบแรงพร้อมคงเป้าไอพีโอใหม่ที่ 250,000 ล้านบาท ด้านกรุงศรีเผยเงินบาทอ่อนค่า หลัง กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 1.0% มองมีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก
- ม.หอการค้าไทย เผยโคโรนาฉุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค. อยู่ที่ 67.3 ต่ำสุดในรอบ 69 เดือน พร้อมเผยผลสำรวจประชาชนผวาฝุ่น-ไวรัสลดกิจกรรม ฉุดใช้จ่ายมาฆบูชาและวาเลนไทน์ลดลง ทำสถิติโตต่ำสุด
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTEP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 146 บาท ได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 1 สัปดาห์ ขณะที่ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาอ่อนตัวลงกว่า 10% ทำให้วันนี้มีโอกาสราคาหุ้นของ PTTEP จะฟื้นตัว (Technical rebound) ตามราคาน้ำมัน
- AOT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 88 บาท มาตรการรัฐดูแลการท่องเที่ยว บวกกับ AOT จะให้ส่วนลดแก่สายการบินที่แจ้งยกเลิกเที่ยวบินล่วงหน้า จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสในระยะนี้ได้บ้าง ด้านธุรกิจท่องเที่ยวที่ถูกกระทบในช่วง peak season จำกัดการเติบโตของกำไรในปีนี้ แต่ผลดังกล่าวเป็นภาวะชั่วคราว AOT ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีความสามารถในการบริหารจัดเที่ยวบิน และมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว อย่างน้อยตั้งแต่ ก.ย. 2563 จะมีรายได้ก้อนโตจากการประกันรายได้ขั้นต่ำ 2.3 หมื่นล้านบาทในปีแรกของสัญญาใหม่จาก King Power