นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีเช้านี้ให้น้ำหนักในทางแกว่งตัวซิกแซกขึ้น หลังตลาดน่าจะมีความผ่อนคลายมากขึ้นต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แม้ว่าจะมียอดผู้เสียชีวิตในจีนแซงหน้ายอดผู้เสียชีวิตจากโรคซาร์สไปแล้วก็ตาม แต่การที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ายอดรวมผู้ติดเชื้อราว 80% มีอาการไข้ขึ้น ส่วนอีก 15% ที่มีผลกระทบต่อปอด ขณะที่อีก 5% เป็นผู้ป่วยที่ต้องดูแลใกล้ชิด ทำให้มองว่าความรุนแรงของโรคอาจไม่มากแต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของจีนก็เริ่มทยอยเปิดการดำเนินงานตามปกติ หลังจากที่รัฐบาลจีนสั่งขยายช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลต่อภาคการผลิตของจีนที่เคยระงับการนำเข้าต่าง ๆ เริ่มกลับมาเดินหน้าอีกครั้งซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจ นอกจากนี้ธนาคารกลางจีนยังได้อัดฉีดเงินช่วยเหลือทั้งด้านสินเชื่อ และผ่อนปรนภาษีให้กับภาคเอกชน เพื่อลดผลกระทบของไวรัสโคโรนา ก็ทำให้ตลาดคลายความกังวลเรื่องผลกระทบที่จะเกิดต่อเศรษฐกิจด้วย
สำหรับปัจจัยในประเทศยังได้แรงหนุนจากการที่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 มีความคืบหน้าในทิศทางที่ดี หลังจากที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดประชุมสภาฯนัดพิเศษ วันที่ 13 ก.พ. เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว ในวาระ 2 และ 3 อีกครั้ง ตามที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุไว้
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับลงต่ำกว่าระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานด้วย ทำให้ภาพรวมดัชนีหุ้นไทยจะขยับขึ้นได้ไม่มากนัก
พร้อมให้แนวรับที่ 1,525-1,530 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,542 และ 1,550 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ก.พ.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,276.82 จุด เพิ่มขึ้น 174.31 จุด (+0.60%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,352.09 จุด เพิ่มขึ้น 24.38 จุด (+0.73%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,628.39 จุด เพิ่มขึ้น 107.88 จุด (+1.13%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 272.91 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 40.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.00 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.09 จุด,ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 13.80 จุด
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้เนื่องในวันสถาปนาประเทศ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ก.พ.63) 1,535.24 จุด ลดลง 0.55 จุด (-0.04%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 847.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ก.พ.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ก.พ.63) ปิดที่ระดับ 49.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 75 เซนต์ หรือ 1.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.พ.) อยู่ที่ 3.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.20 แข็งค่าจากเย็นวันศุกร์ ตลาดยังจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา
- "แบงก์ชาติ" จ่อปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมครั้งใหญ่ ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ราว 200-300 ประเภท โดยเตรียมออกไกด์ไลน์การคำนวณภายในไตรมาส 3 ปีนี้ หวังเป็นแนวทางให้สถาบันการเงินปฏิบัติ ยึดหลักความเป็นธรรมกับผู้บริโภค ด้าน "นายแบงก์" ยอมรับกระทบรายได้แน่ ขณะศูนย์วิเคราะห์ทีเอ็มบี ระบุ "5 แบงก์ใหญ่" อ่วมสุด โดยเฉพาะ "กสิกร-กรุงเทพ" เหตุรายได้ค่าฟีสูง
- รมว.อุตสาหกรรม เผยนายกรัฐมนตรี เซ็นตั้งคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว พร้อมมั่นใจทุกหน่วยงานผนึกความร่วมมือดันไทยฮับผลิตรถอีวีอาเซียน ลงมือก่อนล่าช้าหลังหลายประเทศเริ่มสตาร์ทการสนับสนุนเช่นกัน
- นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานการณ์การขนส่งสินค้าของจีนและฮ่องกงล่าสุดว่า ท่าเรือสินค้าและด่านศุลกากรส่วนใหญ่เปิดทำการปกติแล้ว และหน่วยงานต่างๆ จะเปิดทำงานเต็มรูปแบบในวันที่ 10 ก.พ.63 ยกเว้นในมณฑลหูเป่ยยังคงปิดทำการ มีเพียงบางแห่งเช่น ท่าเรือหยางหลัวที่เปิดเป็นท่าสำหรับรับสินค้าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
- จับตาแข่งประมูล 5จี เดือด 5 โอเปอเรเตอร์วางกลยุทธ์เคาะราคาหวัง ชิงแต้มต่อ กสทช.มั่นใจรัฐได้เงิน 70,000 ล้าน คาดลงทุนสร้างโครงข่ายทะลุ 2 แสนล้านบาท จ่อประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติวันนี้ เผยคลื่น 2600 ระอุ "เอไอเอส-ดีแทค-ทรู-ทีโอที" ชิงดุเดือดแน่ ส่วนคลื่น 700 MHz คาดกสทฯ ยื่นรายเดียว ด้านนักวิเคราะห์ประเมินการประมูล 5จี วันที่ 16 ก.พ. นี้ ไม่รุนแรงเหมือนในอดีต เชื่อเป็นจังหวะเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสาร แต่แนะนำรอความแน่นอนหลังจบการประมูล
*หุ้นเด่นวันนี้
- BTS (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ" ให้เป้าเชิงกลยุทธ์ที่ 13.80 บาท มองมี Upside รออยู่หลายปัจจัย ประกอบด้วย 1) ตัวเต็งในการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีสัมตะวันตก 2) รอครม.อนุมัติต่อสัมปทานอีก 30 ปีของสายสีเขียว 3) มูลค่าเพิ่มจาก VGI และRabbit Line Pay และ 4) กำไรที่คาดว่าจะมาจากการขายสินทรัพย์และดีลซื้อสินทรัพย์กลับกับ BTSGIF ขณะที่กำไรยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากภาพรวมธุรกิจระบบขนส่งมวลชนในอนาคต และการทยอยเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวสถานีใหม่ๆ
- ESSO (กสิกรไทย) ให้ราคาพื้นฐาน 9.60 บาท มองจะได้รับประโยชน์จากค่าการกลั่นที่คาดจะสูงขึ้น รวมถึง IMO 2563 เพราะ ESSO สามารถผลิต LSFO ได้ คาดอัตราการดำเนินงานที่ดีขึ้นในปี 2563 และ upside ระยะยาวจากโรงงานปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์แห่งใหม่จะหนุนให้ผลประกอบการปีนี้จะพลิจากขาดทุนเป็นกำไร
- PLANB (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท คาดกำไร 4Q62 ทำ new high ที่ 208 ล้านบาท +12% Q-Q, +18% Y-Y เพิ่มตามอัตราการใช้สื่อและเริ่มมีรายได้จากสื่อโอลิมปิก คาดทั้งปี +12% Y-Y สวนทางสื่ออื่น ขณะที่ช่วง 1Q63 เป็น low seaon และมีค่าใช้จ่ายเตรียมงานธุรกิจใหม่ กำไรจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 2Q63 คาดกำไรทั้งปี 63 โตสูง +44% Y-Y ตามการเติบโตของสื่อนอกบ้าน และ synergy กับ VGI-MACO รวมถึงสื่อใหม่ๆที่ได้เพิ่มเข้ามาในพอร์ต ปัจจุบันมี P/E เพียง 24 เท่า PEG เพียง 0.5 ต่ำสุดในรอบ 5 ปี