หุ้น INTUCH ลดลง 1.85% มาที่ 53 บาท หรือลดลง 1 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 426.29 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.46 น. ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 53.75 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 53.75 บาท และราคาทำระดับต่ำสุดที่ 52.75 บาท
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ"ถือ"หุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) แม้ประเมินราคาที่เหมาะสมของหุ้น INTUCH ในปัจจุบันควรอยู่ที่ 64.60 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบัน 19.6% อีกทั้ง INTUCH ยังประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 62 อีก 1.30 บาท/หุ้น XD 25 ก.พ. 63 คิดเป็น Dividend Yield 2.4% เมื่อรวมกับเงินปันผลครึ่งแรกปี 62 ที่จ่ายไปแล้ว 1.35 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield รวมปี 62 จะอยู่ที่ 4.9% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างสูง
แต่ผลประกอบการของ INTUCH ในปีนี้มีความเสี่ยงที่จะลดลงจากปีก่อน ซึ่งขึ้นอยู่กับผลการประมูลคลื่น 5G ของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่จะเกิดขึ้นใน 16 ก.พ. นี้ ซึ่งมีโอกาสเกิดการแข่งขันราคาสูงมากเพื่อช่วงชิงคลื่น 2600 MHz ที่มีอยู่ 190 MHz เพราะคลื่น 2600 MHz เป็นคลื่นมาตรฐานที่ใช้ในการให้บริการ 5G ซึ่งอย่างต่ำต้องมีจำนวนคลื่น 60 MHz จึงจะให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจาก 3 ค่ายมือถือหลักที่สนใจคลื่นดังกล่าวแล้ว บมจ.กสท. โทรคมนาคม ก็ประกาศตัวชัดเจนว่าสนใจให้บริการ 5G ด้วย
ดังนั้น ค่ายมือถือทุกรายซึ่งรวมถึง ADVANC บริษัทลูกที่เป็นแหล่งกำไรหลักของ INTUCH ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการ จากการประมูลคลื่น 5G และจากงบลงทุน 5G ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงแนะนำให้ "หลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อนชั่วคราว"ใน INTUCH เพื่อรอประเมินสถานการณ์และราคาเป้าหมายใหม่หลังการประมูลคลื่น 5G
สำหรับผลการดำเนินงานของ INTUCH ในปี 62 มีกำไรสุทธิ 11,083 ล้านบาท ลดลง 4% YoY แม้ว่าส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจของ ADVANC จะเพิ่มขึ้น 3% ถูกหักล้างจากส่วนแบ่งขาดทุนของธุรกิจบมจ.ไทยคม (THCOM) ที่เพิ่มขึ้น 322% YoY หลัก ๆ เกิดจากการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ของ THCOM ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปีก่อนมีกำไรจากที่เกิดขึ้นจากการขายเงินลงทุนบมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ ให้ ADVANC หากไม่นับรวมทั้งกำไรจากขายเงินลงทุนและขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ กำไรสุทธิรวมของปี 62 จะอยู่ที่ 11,775 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า