นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แม็คกรุ๊ป (MC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในงวดปี 62/63 จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 8-10% โดยในช่วงครึ่งหลังงวดปี 62/63 (ม.ค.-มิ.ย.63) คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก และเติบโตได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากบริษัทได้ปรับแผนงานต่างๆ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการทำการตลาด รูปแบบร้านใหม่ และปรับรูปแบบการขายด้วยการเชื่อมต่อ Platform offline กับ online เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ B O S S (Buy Online Ship at Shop)
"เราได้มีการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการออกรุ่น แบรนด์ใหม่ๆ ที่มีชื่อรุ่นที่ชัดเจน เรียกง่าย จำง่าย เข้าใจง่าย มากขึ้น รวมถึงการปรับรูปแบบการขาย ลดโมเดลสินค้าหน้าร้านลง ช่วยให้บริหารจัดการสต็อกสินค้าได้ง่ายขึ้น และการปรับรูปแบบการจำหน่ายสินค้า ส่งผลให้เราสามารถเติบโตได้ดี แม้ว่าเศรษฐกิจกำลังซื้อในประเทศจะไม่ดีนัก แต่เรายังคงมั่นใจด้วยแผนการดำเนินการของบริษัทที่ดี และการออกสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้า จะช่วยให้ผลประกอบการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้"นางชนัญญารักษ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสการซื้อกิจการ และการเข้าร่วมลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ เหมาะสม และมีแผนการตลาดออนไลน์อยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือกว่า 1,000 ล้านบาท และไม่มีหนี้เงินกู้ จึงมีความพร้อมในการลงทุนเพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง และขยายการเติบโตของบริษัท
ส่วนการระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศจีน บริษัทประเมินว่าอาจทำให้ลูกค้าเข้าห้างสรรพสินค้าน้อยลง ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการซื้อสินค้าบ้าง แต่จากการเพิ่มช่องทางใหม่ ๆ ในการขายสินค้า จะยังช่วยหนุนให้บริษัทมีการเติบโต ขณะที่ฐานการผลิตในประเทศจีนเองเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบ เนื่องจากบริษัทได้สต็อกสินค้ารองรับสำหรับการจำหน่ายในช่วงไตรมาส 3 ของงวดปี 62/63 (ม.ค.63-มี.ค.63) ทั้งหมดแล้ว ในขณะเดียวกันบริษัทก็ยังมีฐานการผลิตในเวียดนามและไทยที่จะรองรับการผลิตสินค้าได้หากฐานการผลิตในประเทศจีนมีปัญหายืดเยื้อ ซึ่งจะไม่กระทบต่อการจำหน่ายสินค้าของบริษัทอย่างแน่นอน
สำหรับการทำตลาดออนไลน์ผ่านบริษัทย่อยที่ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทถึง 300 ล้านบาทต่อปี โดยบริษัทตั้งเป้าใน 3 ปีข้างหน้าจะมีรายได้แตะ 500 ล้านบาท หากทำได้ตามเป้าหมายบริษัทจะนำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย