PTL มั่นใจ EBITDA Q4 (สิ้นสุดมี.ค.) ดีกว่าช่วง Q3 หลังเริ่มเดินสายการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 12, 2020 16:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอาชิช กุมาร์ โกช กรรมการ บมจ. โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ PTL เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส 4 งวดปี 62/63 (สิ้นสุดมี.ค. 63) จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3 ที่อยู่ที่ 714 ล้านบาท โดยจะมาจากการเดินเครื่องสายการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ในอินโดนีเซีย ซึ่งเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือน พ.ย. 62 ที่ผ่านมา มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 4.4 หมื่นตัน/ปี

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ยอมรับว่ายอดขายลดลง 13% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับยูโร โดยค่าเงินบาทเทียบกับยูโร แข็งค่า 10% และ เงินบาทเทียบกับดอลลาร์แข็งค่า 5% ส่งผลกระทบต่อรายได้จากการส่งออกของกิจการในไทย รวมถึงยอดขายรวมของบริษัทย่อยในยุโรปและบริษัทย่อยในสหรัฐ

ส่วนโครงการลงทุนสายการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPP ในอินโดนีเซีย คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 64/65 กำลังการผลิต 6 หมื่นตัน/ปี ซึ่งคาดว่าจะช่วนหนุนรายได้ให้เติบโต

นายอาชิช กล่าวถึง การลงทุนขนาดเล็กของโรงงานในไทยและตุรกี ซึ่งใช้งบลงทุนรวม 22-24 ล้านเหรียญสหรัฐ จะช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและปรับปรุงกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA หรือ ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง หรือ ผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง

"เราจะเน้นกลยุทธ์การทำการตลาดโดยเน้นในกลุ่มสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มเป็นหลัก หรือ HVA ที่จะเข้ามาช่วยหนุนการเติบโตของบริษัท รวมไปถึงช่วยลดความผันผวนของอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้บริษัทยังมีการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มผลิตภัณฑ์แบบพิเศษมากขึ้นด้วย "นายอาชิช กล่าว

สำหรับกระแสการลดการใช้พลาสติกในประเทศไทยนั้น นายอาชิช ยืนยันว่า ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้น ยังเป็นกลุ่มสินค้าที่จำเป็น และยังไม่มีผลิตอื่นเข้ามาทดแทนได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ