นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปตท.อยู่ระหว่างจัดทำแผนธุรกิจก๊าซธรรมชาติใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ไทยมีแผนจะเป็นศูนย์กลางการซื้อขาย LNG ของภูมิภาค (Regional LNG Hub) และมีแผนจะยืดอายุปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยให้ยาวนานขึ้น ด้วยการนำ LNG จากตลาดจรในช่วงที่มีราคาถูกเข้ามาทดแทนเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ประกอบกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังมีสิทธินำเข้า LNG มาใช้ผลิตไฟฟ้าได้ตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ด้วย ขณะที่ความต้องการใช้ก๊าซฯไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก
ทั้งนี้ ปตท.เห็นว่าควรจะต้องสร้างความต้องการใช้ก๊าซฯให้มากขึ้น ด้วยการสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซฯเข้าระบบแทนโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่มีความล่าช้าอยู่ โดยในพื้นที่ภาคใต้ที่จะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ก็อาจจะต้องลงทุนสร้างสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ (FSRU) ในพื้นที่ด้วย รวมถึงส่งเสริมการใช้ก๊าซฯในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5
ด้านนายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ PTT เปิดเผยว่า สำหรับโครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซฯในโรงงานอุตสาหกรรมนั้น ล่าสุปตท.จะให้บริการสำรวจพื้นที่และตรวจประเมินเครื่องจักร โดยเจ้าหน้าที่จาก ปตท. จะให้คำปรึกษา ปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ของเครื่องจักร และพร้อมสนับสนุนหากโรงงานใดมีความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงก๊าซฯ ซึ่งเปิดรับสมัครเข้าร่วมโครงการฯจนถึงสิ้นเดือนมี.ค.นี้ โดยโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการฯ จะไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมนอกแนวท่อก๊าซฯ มีทั้งในส่วนของ ปตท.จำหน่ายเอง และตัวแทนจำหน่าย ซึ่งที่ผ่านมา ปตท.ได้ลงนามสัญญากับตัวแทนจำหน่ายแล้ว 4-5 ราย ตั้งแต่ปี 62 เพื่อรับก๊าซจาก ปตท. ไปจำหน่ายให้กับลูกค้า ส่วนปริมาณการขายก๊าซฯดังกล่าว ยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากต้องรอสรุปปริมาณลูกค้าที่สนใจร่วมโครงการ