นายนริศ อารักษ์สกุลวงศ์ หัวหน้ากลยุทธ์องค์กร ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่าแผนการควบรวมกิจการของธนาคารกับ ธนาคารธนชาต (TBANK) คาดว่าจะใช้เวลาต่อจากนี้อีก 18 เดือนในการดำเนินการให้แล้วเสร็จทั้งหมด โดยจะเน้นการปรับโครงสร้างภายใน การโอนลูกค้ามายัง TMB การเตรียมระบบไอที และการรีแบรนด์ดิ้งซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้
ขณะที่สินเชื่อรวมธนาคารคาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน โดยธนาคารจะเน้นการปล่อยสินเชื่อรายย่อย และธนาคารตั้งเป้าจะมีอัตราส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) เติบโต 3% จากปีก่อนที่ 2.8% อัตราส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยต่อสินทรัพย์รวม คาดจะสามารถเติบโตได้ 0.95-1.10% จากการเติบโตรายได้ค่าธรรมเนียมกองทุน และค่าธรรมเนียมการขายประกัน
ส่วนเงินฝากปีนี้คาดจะเติบโต 0-2% จากปีก่อน โดยจะเน้นการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้ลดลง และ การหารายได้ให้เพิ่มขึ้นจากการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน รวมไปถึงการรวมสาขาและเอทีเอ็ม เข้าอยู่ด้วยกัน
ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้คาดจะอยู่ที่ 2.8% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.3% และ Credit Cost ตั้งเป้าที่ 125-130 bps จากปีก่อน 125 bps โดยธนาคารประเมินว่าสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้ธนาคารต้องตั้งสำรองเพิ่ม
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) นั้น ยืนยันว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปีนี้แน่นอน เนื่องจากทางธนาคารไม่ได้อิงอยู่กับการท่องเที่ยวมากนัก และหลังจากที่มี TBANK เข้ามาก็จะช่วยให้ธนาคารรุกในกลุ่มสินเชื่อยานยนต์ได้มากขึ้นด้วย