โบรกเกอร์ ต่างเห็นพ้องแนะนำ"ซื้อ" หุ้นบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หลังประกาศกำไรสุทธิ ในไตรมาส 1/63 (ต.ค.-ธ.ค.62) 7.4 พันล้านบาทดีกว่าคาด แต่สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เริ่มกระจายในปลายเดือน ม.ค.จะกระทบธุรกิจในไตรมาส 2 -ไตรมาส 3 ทั้งนี้ได้ปรับลดประมาณการจำนวนผู้โดยสารลดลง 4.5% -10% และจำนวนเที่ยวบินลดลง 5% แต่มองว่าเป็นผลกระทบระยะสั้น
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิในงวดปี 63 (ต.ค.62-ก.ย.63) ที่ 2.4-2.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งบางโบรกเกอร์ปรับลดประมาณการ แต่ในงวดปี 64 คาดจะเติบโตก้าวกระโดด มาที่ 3.9 -4.0 หมื่นล้านบาท จากรายได้สัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีใหม่ ที่จะเริ่มต.ค.63
เที่ยงราคาหุ้น AOT ปิดที่ 70.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ SET ปรับตัวลง 2.80 จุด
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) กสิกรไทย ซื้อ 87.00 เคจีไอ Outperform 86.00 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 84.00 เคทีบี ซื้อ 83.00 ฟิลลิป ซื้อ 82.00 ทรีนิตี้ ซื้อ 81.00 หยวนต้า ซื้อ 78.00
นายปริญญ์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า กำไรสุทธิของ AOT ในไตรมาส 1/63 (ต.ค.-ธ.ค.62) อยู่ที่ 7.4 พันล้านบาท (+15.0% YoY, +43.2% QoQ) สูงกว่าคาด เพราะมีรายได้อื่นเข้ามา จำนวน 523 ล้านบาท จากที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาไม่ต้องจ่ายชดเลยจากข้อพิพาทสัญญาให้เช่าพื้นที่ภายในศุนย์บริหารการขนส่ง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้มีการกลับรายการจากที่บริษัทตั้งสำรองไว้ ทั้งนี้หากตัดรายการนี้ กำไรจะใกล้เคียงที่คาดไว้
จากสถานการณ์การระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มองว่าจะมีผลกระทบ 2 ไตรมาสข้างหน้า (ม.ค.-มิ.ย.63) จะทำให้ AOT มีความเสี่ยงผลประกอบการจะอ่อนแอลง จะไม่ดีเท่าไตรมาส 1/63 ในเบื้องต้น ประเมินว่า จากการระบาดไวรัสโคโรนา ทำให้จำนวนผู้โดยสารในปีนี้ลดลง 10% และจำนวนเที่ยวบินลดลง 5% จะส่งผลกระทบกับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ 4.5% ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารชาวจีนคิดเป็นสัดส่วน 25% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดของ AOT โดยก่อนหน้านี้ จีนได้สั่งห้ามคนจีนเดินทางออกจากอู่ฮั่นเพื่อยังยั้งการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา
"เป็นผลกระทบช่วงสั้น ที่ไวรัสโคโรนาก็เกิดขึ้นปีนี้ปีเดียว กระทบกำไรสุทธิปีนี้ แต่ยังแนะนำ"ซื้อ" เพราะใน long term เห็นทิศทางการเติบโตที่ค่อนข้างดี โดยในส่วน NON-AERO จากสัญญาดิวตี้ฟรีใหม่ของคิงเพาเวอร์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินภูมิภาคอีก 3 แห่ง (ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่)รวม 4 สนามบิน ที่มีรายได้อย่างน้อย 1 หมื่นล้านบาท จะทำให้รายได้และกำไรในปี 64 ก้าวกระโดด" นายปริญญ์ กล่าว
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิในงวดปี 63 ที่ 2.85 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8%จากปีก่อน และคาดตั้งแต่งวดปี 64 เป็นต้นไป มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 หมื่นล้านบาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงคำแนะนำ"ซื้อ" แต่ปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 83.00 จากเดิม 88.00 บาท เนื่องจากปรับลดกำไรสทธิลง โดยในงวดปี 63 ปรับลงจากเดิม 12% เป็น 2.4 หมื่นล้านบาท จากการปรับลดประมาณการจำนวนผู้โดยสารในงวดปี 63 เติบโตติดลบ 4.5% จากเดิมคาดเติบโต 4% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาต่อนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทย
ส่วนงวดปี 64 ได้ปรับลดกำไรลง -6% จากการประเมินการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารที่ระมัดระวังมากขึ้น จากเศรษฐกิจโลกที่เจริญเติบโตลดลง อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิงวดปี 64 จะยังคงเติบโตก้าวกระโดด +47% YoY จากการรับรู้รายได้สัญญาใหม่จากคิงเพาเวอร์ และได้ผลบวกจากการเปิดให้บริการอาคารใหม่ Satellite สนามบินสุวรรณภูมิ
บทวิเคราะห์ของบล.หยวนต้า (ประเทศไทย)ระบุว่า แม้กำไรปกติไตรมาส 1/63 โต YoY แต่เป็นไตรมาสที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดไวรัสโคโรนาที่เริ่มระบาดหนักในปลายเดือนม.ค.63 ถึงเดือนก.พ.63 ส่งผลให้รัฐบาลจีนแบนทัวร์จีนทั่วประเทศ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นกว่า 25-30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่ทัวร์จีนคิดเป็นสัดส่วนราว 40-50% ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด รวมถึงอาจกระทบต่อ sentiment นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆด้วย ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งเป็น Growth Driver สำคัญของ AOT เริ่มถูกกระทบ 5 วันสุดท้ายเดือนม.ค.63 -10% YoY ขณะที่ 8 วันแรกของเดือนก.พ.63 –27% YoY กดดันให้ผลประกอบการไตรมาส 2/63 อ่อนแอกว่าปกติ และอาจลากยาวไปถึงไตรมาส 3/63 หากโรคระบาดควบคุมได้ช้า จึงปรับลดสมมติฐานนักท่องเที่ยวต่างชาติของ AOT ในปี 2563 จากโต 5% YoY เป็น -8% YoY แต่คาดฟื้นตัวแรงที่ +15% YoY ในปีงวดปี 64 หลังโรคระบาดจบลงและภาครัฐกลับมากระตุ้นการท่องเที่ยวอีกครั้ง
คาดกำไรปกติงวดปี 63 ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท (-4.4% YoY) แต่คาดกำไรปกติงวดปี 64 ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท (+58.5% YoY) หรือฟื้นตัวแรงแบบ V-sharp
"ผลการปรับลดประมาณการ ทำให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นงวดปี 63 ปรับลดเป็น 78.00 บาทต่อหุ้น (DCF WACC 7.4% T.G. 2%) อย่างไรก็ดี เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "BUY" เพื่อรับกำไรของการประมูล Duty Free ในปีหน้า เราแนะนำนักลงทุนใช้จังหวะตัวเลขนักท่องเที่ยวที่อ่อนแอในช่วงไตรมาส 2/63-ไตรมาส 3/63 เป็นจังหวะในการสะสม"