นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down จากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว และการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังจากที่จีนได้มีการแก้ไขตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตจากมณฑลหูเป่ย 2 วันติดต่อกัน ทำให้เกิดความสงสัยในตัวเลขจะน่าเชื่อถือได้หรือไม่ ดังนั้นจึงยังระวังสถานการณ์นี้อยู่
แต่ทั้งนี้ตลาดบ้านเราได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และการประมูลคลื่น 5จี ทำให้คลายความกังวลกลุ่มสื่อสารไปได้ จากที่ผลการประมูลออกมาสูงกว่าตลาดฯคาดไว้ไม่มาก
อย่างไรก็ดีให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยงวดไตรมาส 4/62 วันนี้จะประกาศ ซึ่งก็คาดว่าจะเติบโต 2.5% แต่คงจะหันไปมอง GDP งวดไตรมาส 1/63 มากกว่าซึ่งคาดว่าจะปรับตัวลง และอาจจะมีการปรับประมาณการบริษัทจดทะเบียนลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดฯคาด GDP ปี 62 ประมาณการเติบโตไว้ที่ 2.9% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยังไม่คำนึงถึงเรื่องไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยล่าสุดตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นงวดไตรมาส 4/62 ออกมาหดตัวกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้บรรยากาศลงทุนไม่ค่อยดีนัก
พร้อมให้แนวรับ 1,515-1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,535 ถัดไป 1,540-1,542 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ก.พ.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,398.08 จุด ลดลง 25.23 จุด (-0.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,380.16 จุด เพิ่มขึ้น 6.22 จุด (+0.18%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,731.18 จุด เพิ่มขึ้น 19.21 จุด (+0.20%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 197.81 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 48.89 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 45.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.49 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ก.พ.63) 1,526.30 จุด ลดลง 6.47 จุด (-0.42%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,555.37 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ก.พ.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ก.พ.63) ปิดที่ระดับ 52.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 52.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ก.พ.) อยู่ที่ 3.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.17 ทรงตัวจากวันศุกร์ มองกรอบวันนี้ 31.10-31.25 จับตาสภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP ไทย
- ประมูล 5จี เงินเข้ารัฐ 100,521 ล้านบาท ขายออก 48 ใบอนุญาต "เอไอเอส" ค่ายเดียว คว้าคลื่น 23 ไลเซ่นส์ ครองคลื่น 5จีในมือ ทะลุ 1,450 เมกะเฮิรตซ์ ด้านกลุ่มทรูฯตามมาที่ 1,020 เมก "ดีแทค" เคาะราคา แบบพอเพียงได้ไปน้อยสุด 2 ใบอนุญาต ส่วนรัฐวิสาหกิจ "กสทฯ-ทีโอที" ได้คลื่น สมใจ ชงเข้าบอร์ด กสทช. เคาะรับรอง ผลประมูล 19 ก.พ. พร้อมออกใบอนุญาตได้ทันที ลุ้น "เอไอเอส" รายแรกยึดหัวหาดเปิดบริการ
- สกพอ.เร่งเครื่องดันลงทุน "อีอีซี" จ่อเซ็นสัญญา "อู่ตะเภา" เม.ย. ออกแบบไฮสปีดเทรนเสร็จ ต.ค.นี้ ชี้ถึงเวลา เร่งลงทุนภาคเอกชน เตรียมแผนโรดโชว์สหรัฐ-ญี่ปุ่น-เกาหลี ทำงานคู่ขนานพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน หนุนระเบียงผลไม้ ดึงอีคอมเมิร์ซสร้างอาชีพ หวังผู้มีรายได้น้อย 3.5 แสนคน พ้นยากจน
- นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวถึงปัญหาลดลงของผู้โดยสารสนามบินทั้ง 6 แห่งของ ทอท. ว่าหนักที่สุดเท่าที่เคยเจอมาสถิติผู้โดยสารเฉพาะวันที่ 1-12 ก.พ. มีปริมาณ 3.1 แสนคน/วัน ลดลง 1.5 แสนคน หรือคิดเป็น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน
- คลังแจงสี่เบี้ยยังมีงบกลางปีอีก 100,000 ล้านบาท ช่วยพยุงเศรษฐกิจหลังเจอปัจจัยลบปั่นป่วน "ไวรัสโควิด-ภัยแล้ง-งบปี 63 ล่าช้า" แย้มงบประมาณปี 63 เบิกจ่ายได้อย่างช้าเดือนเม.ย.นี้ ขณะที่ สบน.เตรียมแนวทางกู้เงินเพิ่มเติมหากมีการลงทุนเพิ่ม
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 260 บาท ผลประมูล 5G ออกมาเชิงบวกโดย ADVANC ชนะประมูล 2600 MHz 10 ใบอนุญาตในราคาเพียง 19,561 ลบ. สูงกว่าราคาเริ่มต้นเพียง 5% และได้ 700 MHz 1 ใบอนุญาตที่ 17,154 ลบ. และ 26 GHz 12 ใบอนุญาตที่ 5,345 ลบ. โดยมีมุมมองเป็นบวกอย่างมากต่อ ADVANC จากราคาประมูลที่ต่ำ รวมแล้ว 4.2 หมื่นลบ. ต่ำกว่าครั้ง 4G ที่ 1.2 แสนลบ. เงื่อนไขที่ทยอยจ่าย ทำให้ต่อปีไม่สูงนักซึ่งอาจไม่ต้องกู้ก็ได้ นอกจากนี้ จุดแข็งคือมีคลื่นความถี่ครบ พร้อมแข่งขันมากที่สุดในตลาดซึ่งดีต่อการให้บริการและเพิ่ม market share ในยุค 5G ตลอด 10 ปีข้างหน้า
- LH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 11.5 บาท หุ้นกลุ่มอสังหาฯทยอยประกาศงบออกมาอย่างต่อเนื่องส่วนใหญ่โดดเด่นที่เงินปันผล LH เป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอและให้ Dividend yield สูง ราคาหุ้นที่ลดลงมองเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อเพื่อรับเงินปันผลในปีครึ่งหลัง (H2/62) ซึ่งคาดว่าจะประกาศจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 0.40 บาทต่อหุ้น ให้ Dividend yield ประมาณ 4%