นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 62 ทำกำไร 196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาทจากปีก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการเริ่มรับรู้กำไรจากโครงการโรงไฟฟ้ามินบูในช่วงไตรมาส 4/62 นอกจากนั้น บริษัทยังได้จำหน่ายกิจการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ (Auto Dealer) ยี่ห้อ Mitsubishi ออกไปทำให้รับรู้กำไรเข้ามา 86 ล้านบาท ส่งผลให้ EBITDA Margin ในปีนี้สูงขึ้นมาที่ 18% เทียบกับ 16% ของปีก่อน
ดังนั้น บริษัทจึงตอบแทนนักลงทุนด้วยการจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท หรือคิดเป็น dividend yield ที่สูงถึง 5% ถือเป็นอัตราผลตอบแทนจากปันผลที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
"เรามั่นใจว่า SCN จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในทุกๆด้าน โดยเฉพาะผ่านโครงการสำคัญที่บริษัทฯได้ลงทุนมา อย่างโครงการโรงไฟฟ้ามินบู คาดว่าจะมีต้นทุนที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ จากสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งและค่าก่อสร้างที่มีแนวโน้มว่าจะต่ำลงอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลให้ IRR สูงกว่าที่เราเคยตั้งเป้าไว้ที่ 10% ซึ่งนักลงทุนจะเริ่มเห็นการรับรู้กำไรจากโครงการมินบูตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าเร่งก่อสร้างเฟส 2 ของโรงไฟ้ามินบูภายในไตรมาส 3/63 และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้ง 4 เฟส ภายในปี 64 ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นเกือบ 10,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ปลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้จับมือกับพันธมิตร ขยายงานทางด้านพลังงานทดแทนโซลาร์รูฟท็อป โดยจัดตั้ง บริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด เพื่อบุกเบิกตลาดซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) ที่ผ่านมาได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชนสัญญาเช่าโครงการโซลาร์รูฟท็อปกับผู้ประกอบการไปแล้วรวมจำนวน 10 MW ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าการขยายพอร์ตซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) ให้มีจำนวนรวม 110 MW หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาทภายใน 4 ปีข้างหน้า"นายฤทธี กล่าว