นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชีวาทัย (CHEWA) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 ที่ 2 พันล้านบาท เติบโตจากปี 62 ที่มีรายได้ 1.15 พันล้านบาท โดยบริษัทจะรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาในปีนี้ 796 ล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมด 1.57 พันล้านบาท
ในปีนี้จะมีคอนโดมีเนียมที่สร้างเสร็จและเริ่มโอนจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค จรัญ 13 มูลค่า 430 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/63, โครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ มูลค่า 1.7 พันล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/63 และโครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ มูลค่า 1 พันล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/63
ขณะที่บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการในปีนี้ มูลค่าโครงการรวม 3.6 พันล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 3 โครงการ มูลค่า 2.26 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการชีวาโฮม กรุงเทพ-ปทุม มูลค่าโครงการ 903 ล้านบาท จะเปิดตัวในไตรมาส 1/63 , โครงการชีวาโฮม รังสิต-ปทุม มูลค่า 1.09 พันล้านบาท จะเปิดตัวในไตรมาส 2/63 และโครงการฮาร์ท สุขุมวิท 36 มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท ซึ่งการร่วมทุนที่บริษัทถือหุ้น 70% เปิดตัวในไตรมาส 1/63
นอกจากนั้น บริษัทยังจะเปิดตัวคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ ได้แก่ โครงการชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ ลำสาลี มูลค่าโครงการ 1.33 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/63
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการของปีนี้จำนวน 858 ล้านบาท
นายบุญ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 63 ประเมินว่าจะยังไม่สดใสมากนัก เนื่องจากแนวโน้มตัววัดภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ (GDP) ที่ลดลง หนี้สินครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับมาตรการควบคุมสินเชื่อ LTV หรือการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เข้มงวดมากขึ้น แต่บริษัทยังเห็นกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่แท้จริงอยู่ ขณะที่การชะลอตัวของตลาดคอนโดมิเนียมทำให้บริษัทต้องปรับแผนเปิดโครงการใหม่มาเน้นโครงการแนวราบเป็นหลัก เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากตลาดคอนโดมิเนียมที่ชะลอตัวต่อเนื่อง
"ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายอีกหนึ่งปี ซึ่งเราจะต้องระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น และจากปัจจัยดังกล่าวมองว่ายังจะเป็นโอกาสในการใช้กลยุทธ์สร้างระบบการทำงานภายในให้แข็งแกร่งเพื่อเตรียมความพร้อม เช่น การศึกษาและสำรวจการเลือกซื้อที่ดินและทำเลที่ตั้งโครงการใหม่ๆ การออกแบบและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ รวมถึงการสร้างความแตกต่างด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานและความหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกสรรมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพราะว่าในปัจจุบันความต้องการของลูกค้าได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ทำให้เราจึงเน้นเรื่องนี้เป็นสำคัญ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย"นายบุญ กล่าว