นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ไทยรีประกันชีวิต (THREL) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรรายใหม่ๆ ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มสัดส่วนธุรกิจประกันชีวิตประเภทร่วมพัฒนา (Non-conventional Reinsurance) ให้สูงขึ้นเป็น 60% ภายในระยะเวลา 3 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 45 : 55 เมื่อเทียบกับธุรกิจประกันชีวิต ประเภทดั้งเดิม (Conventional Reinsurance) และพร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ เพื่อผลักดันอัตรากำไรให้เพิ่มสูงขึ้น สร้างการเติบโตที่มั่นคงต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 62 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 2,340 ล้านบาท ลดลง 3% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามภาพรวมอุตสาหกรรมประกันภายในประเทศที่ชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากสภาวการณ์ตลาดสินเชื่อกลุ่มธนาคารที่ชะลอตัว รวมถึงความผันผวนของผลตอบแทนการลงทุน และการบริหารจัดการ Portfolio เพื่อควบคุมอัตราส่วนค่าสินไหมทดแทนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยได้ยกเลิกสัญญาประเภทสุขภาพทั้งหมดที่มีผลขาดทุนระหว่างปี 62 ส่งผลให้บริษัทมีรายได้สุทธิจากเบี้ยประกันภัยจำนวน 2,281 ล้านบาท
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยอยู่ที่ 2,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของค่าสินไหมทดแทน โดยเฉพาะกลุ่มงานประกันสุขภาพ, ประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิตเดี่ยว ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 194 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถบริหารจัดการเงินลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีรายได้จากการลงทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 39% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน แตะ 106 ล้านบาท จากเงินปันผลและดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท กำไรจากการขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 4 ล้านบาท และกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้น 13 ล้านบาท
ทั้งนี้ล่าสุดคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติจ่ายปันผลที่ 13 สตางค์ต่อหุ้น ในวันที่ 18 ก.พ.63 ส่งผลให้การจ่ายปันผลรวมทั้งปี 62 แตะ 26 สตางค์ต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) 7.2% สูงสุดในอุตสาหกรรมประกันชีวิตที่เฉลี่ย 3-5%