นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้ายอดขายยางมะตอยปี 63 ไว้ที่ 2.1-2.2 ล้านตัน ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 2.27 ล้านตัน แม้ว่าช่วงต้นปีจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้จีนมีการเลื่อนคำสั่งซื้อออกไปจำนวนครึ่งหนึ่งไปเป็นเดือนเม.ย.63 หรือราว 25,000 ตัน จากเดิมที่กำหนดส่งมอบในเดือน ก.พ.-มี.ค.63
แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่าความต้องการใช้จากจีนจะต้องกลับมา เนื่องจากการซ่อมสร้างถนนยังต้องมีอยู่ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าคำสั่งซื้อจากจีนจะกลับมาได้ตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม สัดส่วนยอดขายจากประเทศจีน คิดเป็นประมาณ 40% ของยอดขายรวมของบริษัท โดยการส่งออกไปยังตลาดจีนถือเป็นอันดับ 1
นอกจากนั้น บริษัทยังได้รับปัจจัยบวกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 แม้ว่าขณะนี้ยังล่าช้า แต่คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณได้มากในไตรมาส 3/63 ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้ยางมะตอยให้ปรับตัวสูงขึ้น หรือมองเป็นช่วง Peak ของการใช้ยางมะตอยในปีนี้ และน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 64 ที่จะช่วยหนุนความต้องการใช้ในช่วงไตรมาส 4/63 ด้วย
ขณะเดียวกันการบังคับใช้มาตรการ IMO 2020 จะช่วยหนุนความต้องการกักเก็บยางมะตอยไว้มากขึ้น หลังจากมีโรงกลั่นแห่งหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งส่งออกปีละ 8-9 แสนตันหยุดส่งออกไปให้กับจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันใสที่เป็น Low Sulfur Fuel Oil ทำให้ปริมาณการผลิตยางมะตอยจะน้อยลงมาก ซึ่งจะเห็นผลกระทบได้ตั้งแต่เดือน พ.ค.63 เป็นต้นไป โดยซัพพลายยางมะตอยในตลาดจะหายไปราว 7-8 หมื่นตัน/เดือน และยังช่วยหนุนราคาขายยางมะตอยดีขึ้น
ประกอบกับ บริษัท ยังมีน้ำมันดิบป้อนเข้าโรงกลั่นยางมะตอยอย่างสม่ำเสมอ โดยในเดือน เม.ย.นี้ จะดำเนินการสร้างถังเก็บน้ำมันดิบแล้วเสร็จอีก 2 ถัง ซึ่งจะสามารถรองรับการเก็บน้ำมันดิบได้มากขึ้น หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนตัน หรือคิดเป็นราว 6 แสนบาร์เรล และน่าจะสามารถรองรับการผลิตได้ไปจนถึงไตรมาส 3/63
"ปีนี้เรายังคงเป้ายอดขายยางมะตอยไว้ที่ 2.1-2.2 ล้านตัน ซึ่งถือว่าสูงพอสมควร จากสถานการณ์ในขณะนี้ แต่เราเชื่อว่าเรายังมีน้ำมันดิบป้อนเข้าโรงกลั่นอย่างสม่ำเสมอ และการเบิกจ่ายงบบประมาณจะช่วยหนุนความต้องการใช้ยางมะตอยในประเทศสูงขึ้น ส่วนยอดขายต่างประเทศโดยรวมยังดีอยู่ แม้จีนมีปัญหาเลื่อนคำสั่งซื้อออกไปเป็นเดือนเม.ย.นี้แทน แต่ก็ไม่ได้ยกเลิก เชื่อว่าจีนจะกลับมาได้ตั้งแต่เม.ย.นี้เป็นต้นไป ซึ่งเราคาดว่าสัดส่วนยอดขายในประเทศปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเดิม 20% และต่างประเทศจะลดลงเป็น 75% จากเดิม 80%"นายชัยวัฒน์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 บริษัทฯ คาดว่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบจากโควิด-19 เป็นหลัก ที่ลูกค้าจีนมีการเลื่อนคำซื้อออกไป แต่อย่างไรก็ตามในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังทำยอดขายได้ดี
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า บริษัทยังเตรียมเจรจากับบริษัทประกันภัยในเรื่องเงินชดเชยจากความชะงักงันทางธุรกิจกรณีเกิดเพลิงไหม้ถังกักเก็บน้ำมันในเดือนเม.ย.นี้อีกครั้ง ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับเงินชดเชยในไตรมาส 3/63