นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังปิดตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ปรับตัวลดลงสอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์อื่นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงเฉลี่ย 2% ขณะที่ตลาดหุ้นบ้านเราก็ปรับตัวลดลงในระดับใกล้เคียงกันที่ 2.26% และมีความกังวลว่าจะปรับตัวลงต่อ โดยเฉพาะหลักทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แก่ กลุ่ม Commerce , Energy, Food จากการส่งออก และท่องเที่ยวที่ลดลง
ทั้งนี้ปัจจัยหลักๆ ที่กดดันตลาดหุ้นมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (ไวรัสโควิด-19) สืบเนื่องจากวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่นอกประเทศจีนเพิ่มขึ้นรุนแรงคิดเป็น 40% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด
นายภากร กล่าวว่า ตลท.ยังไม่สามารถประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทยได้ว่าจะปรับตัวลดลงไปมากเพียงใด ซึ่งยังต้องรอดูสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด เบื้องต้นหากมีผู้ติดเชื้อลดลงก็คาดว่าจะช่วยหนุนให้ภาวะตลาดปรับตัวดีขึ้นได้ แต่ขณะนี้แนะนำนักลงทุนกระจายพอร์ตการลงทุน หลีกเลี่ยงหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสเลือกหุ้นที่มีปันผลดี ประกอบให้พิจารณาการรับข่าวสารข้อมูลให้ดีอย่ารับข่าวปลอม (fake news) มากนัก โดยให้อิงเรื่องของเหตุผล
นอกจากนี้ ทาง ตลท.ก็มีการเตรียมความพร้อมรับมือกับโควิด-19 โดยวางแผนสำรองรองรับในสภาวะฉุกเฉิน (Business Continuity Planning หรือ BCP) เพื่อให้เกิดผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวน้อยที่สุด ขณะที่ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนไทย เช่น ไม่สามารถจัดการประชุมผู้ถือหุ้นได้ ทาง ตลท.ก็ได้มีการสนับสนุนเรื่องการใช้ระบบ E-Voting เพื่อรองรับในภาวะเสี่ยงเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการกฤษฎีกา ซึ่งมองว่าเป็นช่วงนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะใช้กฎหมายเหล่านี้
สำหรับมาตรการการหยุดการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว (Circuit Breaker) ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ เห็นได้จากก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นไทยก็มีการเผชิญกับปัจจัยลบมาหลายรอบ เช่น ผู้นำระดับสูงของอิหร่านถูกลอบสังหาร, ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งสารรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปี 63, โอเปกส่งสัญญาลดกำลังการผลิตน้ำมัน, ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง, องค์การอนามัยโลก(WHO) ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณะสุขของโรคจากกรณีการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 และล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น ก็ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้มาตรการดังกล่าว รวมถึงตลาดหุ้นไทยก็ยังมีสภาพคล่องสูง