นายสมบุญ เศรษฐ์สันติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.เอแอลที เทเลคอม (ALT) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 63 ประเมินว่าน่าจะพลิกกับมาเป็นกำไรสุทธิได้ เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และปีนี้ก็จะมีการใช้ทรัพย์สินโครงข่ายที่บริษัทได้ลงทุนไปให้เกิดประโยชน์สูงสูด
เริ่มจากธุรกิจหลัก คือ ขยายฐานกลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Operator) โดยเฉพาะ Operator ต่างประเทศที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง เมียนมา ลาว กัมพูชา รวมถึง Operator ในจีน ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จสูง โดยมีอัตราการเติบโตของรายได้จากการให้บริการโครงข่ายสูงแบบก้าวกระโดด จากรายได้ 45.84 ล้านบาทในปี 61 เพิ่มขึ้นถึง 237.5% เป็น 154.69 ล้านบาทในปี 62 และยังมีสัญญาณบวกชัดเจนที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ก็ยังมีการขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น (Cross over industry) เช่น อุตสาหกรรมไฟฟ้า อุตสาหกรรมขนส่งและบริการ รวมถึงอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาออนไลน์
นายสมบุญ กล่าวต่อว่า การที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุค 5G จากนโยบายภาครัฐที่ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยดิจิทัล ถือเป็นโอกาสเติบโตโดยตรงของกลุ่มธุรกิจสื่อสารในปัจจุบัน ซึ่งจะมีผลในเชิงบวกอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง ทั้งงานขายสินค้าและบริการ รวมถึงการให้บริการโครงข่ายและเสาสื่อสาร ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญและสามารถจะเห็นผลได้ชัดเจนในช่วงระยะสั้นต่อเนื่องถึงระยะยาว
ขณะเดียวกันบริษัทได้มีการรายงานตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทร่วมกับพันธมิตรในนาม กิจการค้าร่วม ไอเอสไอ (ISI Consortium) ได้เป็นผู้ชนะการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ในโครงการจ้างเหมาจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายส่วนกลางและส่วนภูมิภาคของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มูลค่าสัญญาจ้าง 496.67 ล้านบาท โดยได้ลงนามเมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 ที่ผ่านมา มีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 270 วัน ซึ่งจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งจำนวน
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 62 บริษัทมีผลขาดทุนลดลง 53.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยมีขาดทุนสุทธิ 132.9 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดปี 61 ขาดทุนสุทธิ 286.3 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณาเป็นรายไตรมาสจะเห็นว่าผลขาดทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง จากยอดขาดทุน 86.69 ล้านบาทในไตรมาส 4/61 ลดลงเหลือเพียง 3.97 ล้านบาทในไตรมาส 4/62 หรือลดลง 95% ถือเป็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน
ทั้งนี้ รายได้ปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 903.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.6 ล้านบาท หรือ 5.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 853.7 ล้านบาท
ปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้น สาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ขยายฐานรายได้ไปในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และมีรายได้จากการขาย บริการงานก่อสร้าง และบริการโครงข่ายได้มากขึ้น รวมทั้งบริษัทมีการปรับวิธีบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น ต้นทุนทางการเงินลดลง ส่งผลให้ผลประกอบการในภาพรวมดีขึ้น
สิ้นสุดปี 62 บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) 1,208 ล้านบาท ขณะที่ฐานะการเงินของบริษัทก็มีความแข็งแกร่งมากขึ้นสะท้อนได้จากตัวเลขสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) อยู่ที่ 1.0 เท่า