นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ (SQ) กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเนื่องจากบริษัทมีปริมาณงานในมือสูงถึงประมาณ 28,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ถึง 8 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย โครงการแม่เมาะ 8 มูลค่า 16,318 ล้านบาท, โครงการหงสา ใน สปป.ลาว มูลค่า 8,810 ล้านบาท รวมถึงงานโครงการบริหารและซ่อมบำรุงระบบสายพาน มูลค่างานรวม 2,265 ล้านบาท และโครงการแม่เมาะ 7 มูลค่าประมาณ 312 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทจะเริ่มมีรายได้จากธุรกิจใหม่การจำหน่ายถ่านหินจากเหมืองถ่านหินเมืองก๊กในเมียนมาที่บริษัทได้สัมปทานผ่านบริษัทร่วมทุน ขณะนี้บริษัทร่วมทุนอยู่ในช่วงการดำเนินการขอใบอนุญาตการส่งออกถ่าน (Export licence) ตั้งเป้าเบื้องต้นส่งออกถ่านหิน 60,000 ตันในไตรมาส 4/63 และจะเพิ่มปริมาณเป็น 300,000 ตันภายในปี 64 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯมีโครงสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
สำหรับผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ไตรมาส 4/62 บริษัทมีรายได้รวม 1,433 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารจัดการการทำงานของเครื่องจักรโดยรวมตามแผนงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และในไตรมาสนี้ผลผลิตของทุกโครงการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/62
ส่วนงวดปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 4,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้นที่มีรายได้รวม 3,624 ล้านบาทในงวดปี 61 และมีกำไรสุทธิ 1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับขาดทุนสุทธิ 285 ล้านบาทในงวดปี 61 โดยบริษัทมีรายได้จากโครงการขุดขนดินและถ่านหินภายใต้ 3 โครงการหลัก คือ โครงการแม่เมาะ 7, โครงการแม่เมาะ 8 และ โครงการหงสา
โดยโครงการแม่เมาะ 7 ได้เข้าสู่ช่วงท้ายของโครงการ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในไตรมาส 1/63 และตั้งแต่เดือน ม.ค.63 บริษัทจะมีรายได้เพิ่มจากโครงการหงสา ซึ่งจะรับรู้รายได้โครงการบริหารและซ่อมบำรุงระบบสายพานเพิ่มเข้ามา มูลค่างานรวม 2,265ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน 7 ปี