โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) จากการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรหลังจากควบรวมบมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) เข้ามาเสริมในพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ หนุนศักยภาพการเติบโตระยะยาว และช่วยผลักดันผลการดำเนินงานในอนาคต อีกทั้งทำให้ FPT มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น และกระจายความเสี่ยงได้ดีขึ้นอีกด้วย
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรมที่เป็นธุรกิจหลักยังมีทิศทางที่ดี จากความต้องการใช้คลังสินค้าให้เช่าจากผู้ประกอบการต่าง ๆ ซึ่ง FPT ยังเดินหน้าพัฒนาคลังสินค้าให้เช่าแบบ Built-to-Suit อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับโอกาสในการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศในภูมิภาค ซึ่งจะทำให้สามารถต่อยอดการเติบโตได้อีกในอนาคต รวมไปถึงยังสามารถขายสินทรัพย์เข้ากองรีทได้เพิ่มเติม เพื่อนำเงินมารองรับการลงทุนต่อยอดธุรกิจได้อีกด้วย
พักเที่ยงราคาหุ้น FPT อยู่ที่ 12 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.84% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.69%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ธนชาต ซื้อ 22.00 เอเซีย พลัส ซื้อ 19.80 กสิกรไทย ซื้อ 19.50 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 18.10 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 14.90
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการที่ FPT วางเป้าหมายเป็นแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ นับเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้องในระยะยาว เพราะทำให้พอร์ตด้านอสังหาริททรัพย์มีความหลากหลาย สร้างการกระจายรายได้ และช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน หลังได้พอร์ตของ GOLD เข้ามาเป็นส่วนเสริมในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ต่อยอดจากธุรกิจหลักของ FPT ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรม
ธุรกิจที่โดดเด่นยังคงมาจากธุรกิจหลักของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรม ได้แก่ คลังสินค้าให้เช่า ที่ยังคงมีความแข็งแกร่งจากความต้องการใช้คลังสินค้าให้เช่าที่ยังมีอยู่มาก ซึ่งในงวดปี 62/63 (ต.ค.62-ก.ย.63) คาดว่าจะทำยอดคลังสินค้าให้เช่าได้ตามเป้า 130,000 ตารางเมตร ประกอบกับมีโอกาสขยายลงทุนไปยังต่างประเทศที่จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อีกในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ที่จะเข้ามาเสริมรายได้เพิ่มเติมอีก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจใหม่ในการต่อยอดและผลักดันผลการดำเนินงาน และกระจายความเสี่ยงในธุรกิจ
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของFPT ในระยะยาวมาการกระจายรายได้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ขณะที่ธุรกิจหลักยังคงเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรมที่เป็นคลังสินค้าให้เช่าแบบ Built-to-Suit ที่ยังมีความต้องการใช้อย่างต่อเนื่องจากผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันอัตราการเช่าอยู่ไนระดับสูงกว่า 90% มีพื้นที่ให้เช่าจำนวนมากเป็นลำดับต้น ๆ ในอุตสาหกรรม
ขณะเดียวกัน FPT ยังมีโอกาสขยายการลงทุนไปในต่างประเทศในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในเวียดนาม ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ FPT สนใจ นอกจากนี้ยังมีการขายสินทรัพย์เข้ากองรีทได้เพิ่มเติมอีก ก็จะทำให้มีเงินรองรับต่อยอดการลงทุนใหม่ ๆ อีกทั้งการที่มี GOLD เข้ามาเสริมในพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ ก็จะช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้มากขึ้น
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินของ FPT ในปี 62/63 จะฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่มีการควบรวม GOLD เข้ามาเสริมพอร์ต ทำให้มีการกระจายรายได้มากขึ้น จากการที่ GOLD มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ควบคู่กัน ทำให้ FPT มีความแข็งแกร่งในการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีจุดเด่นที่มากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม
ขณะที่ธุรกิจหลักเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ด้านอุตสาหกรรมยังมีความต้องการใช้คลังสินค้าจากผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก ซึ่งFPT ยังมีการขยายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่มีพื้นที่ให้เช่าที่สร้างรายได้ประจำอยู่ในลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ในช่วงครึ่งหลังปี 63 ยังมีแผนขายสินทรัพย์เข้ากองรีทเพิ่มเติมอีก ทำให้มีเงินทุนเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อขยายการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศที่จะเข้ามาช่วยต่อยอดการเติบโตในอนาคต