นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 62 ได้รับผลกระทบหลักมาจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพรวมทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น เหตุการณ์การประท้วงที่ฮ่องกง การแข็งค่าของค่าเงินบาทรวมถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดความต้องการเดินทางน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ เมื่อสรุปรวมทั้งปี 62 AAV มีรายได้รวม 41,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% และมีขาดทุนสุทธิ 474 ล้านบาท ในขณะที่ TAA มีรายได้รวม 41,551 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 871 ล้านบาท มีจำนวนการขนส่งผู้โดยสารรวม 22.15 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 85% เท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลอดทั้งปีได้เปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ระยะทางการบินโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4% และปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 8%
นอกจากนี้ นายสันติสุข ยังกล่าวว่า เราเริ่มต้นปี 63 ด้วยความท้าทายจากการระบาดอย่างรุนแรงของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (ไวรัสโควิด-19) ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจในภาพรวม โดยเฉพาะจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง จึงมีความจำเป็นต้องปรับลดหรือยกเลิกเที่ยวบินต่างๆ โดยเรายังคงยึดมั่นในมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสาธารณสุขอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทาง
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับการลดภาษีสรรพสามิต พร้อมดำเนินงานเชิงรุกของเราในการจัดการสถานการณ์ด้วยมาตรการลดค่าใช้จ่ายอย่างจริงจัง เช่น การต่อรองค่าใช้จ่ายหลักในการดำเนินการกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา รวมถึงเลื่อนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป และด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของพนักงานทุกคน เราเชื่อว่าเราจะฟื้นตัวในไม่ช้าและแข็งแกร่งขึ้น
"กลยุทธ์สำคัญคือการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกมิติ โดยเน้นการวางแผนเส้นทางบิน ซึ่งในปีที่ผ่านมา เราจำเป็นต้องยกเลิกและลดความถี่เที่ยวบินในเส้นทางบินที่ยังไม่ทำกำไร รวมทั้งกระตุ้นการเดินทางในตลาดอื่นๆ ที่สามารถสร้างโอกาสได้ อาทิ ตลาดอินโดจีน เส้นทางภายในประเทศที่ไม่มีคู่แข่งหรือคู่แข่งน้อยราย รวมทั้งโอกาสจากบริการเสริมพิเศษต่างๆ ที่ยังเติบโตได้" นายสันติสุข กล่าว