นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าจะกระทบกับศูนย์การค้ามากน้อยเพียงใด โดยเบื้องต้นกระทบกับศูนย์การค้า 8 แห่งในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ส่งผลให้ผู้เข้าใช้บริการในศูนย์การค้าดังกล่าวหายไปราว 30-40% ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการหาแนวทางการช่วยเหลือ โดยบริษัทคาดว่าหากสถานการ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในระยะเวลา 3 เดือน จะกระทบกับเป้าหมายรายได้ให้ลดลง 1% จากเป้าหมายรายได้เติบโต 8% จากปี 62 ที่มีรายได้รวม 38,403 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากลูกค้าจีนที่หายไปบริษัทมีแผนทำการตลาดมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าอื่นๆ เช่น อินเดีย ประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศเอเชีย ที่ยังมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
"ปัจจุบันเราอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการในศูนย์การค้าต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 โดยเบื้องต้นเรามองว่าจะกระทบไม่เกิน 1% ของเป้าหมายการเติบโตของรายได้ หากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่เกินระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งบริษัทยังคงต้องติดตามสถานการ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม หากโควิด-19 จบลงในระยะเวลารวดเร็ว เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาฟื้นตัวได้ดี" นางสาวนภารัตน์ กล่าว
ในปี 63 บริษัทมีแผนการปรับปรุงศูนย์การค้า ได้แก่ เซ็นทรัล พัทยา บีช และเซ็นทรัล ภูเก็ต เฟสติวัล และเซ็นทรัล พระราม 2 ปัจจุบันอยุ่ระหว่างการสรุปแผน เบื้องต้นกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 64 รวมถึงการปรับปรุงย่อยอีก 8 ศูนย์การค้า ที่จะแล้วเสร็จภายในปี 63 พร้อมพัฒนาโครงการใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา เซ็นทรัล ศรีราชา เซ็นทรัล ชลบุรี ที่เป็นพื้นที่ศักยภาพสูง และกำหนดเปิดให้บริการภายในปี 64
ปัจจุบันบริษัทมีศูนย์การค้าเปิดให้บริการ รวม 34 แห่ง แบ่งเป็น ในไทย 33 แห่ง และต่างประเทศ 1 แห่ง ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 93% จากพื้นที่เช่ารวมกว่า 1.8 ล้านตารางเมตร ซึ่งสามารถรักษาค่าเช่า และการเพิ่มค่าเช่าพื้นที่ได้ดีต่อเนื่อง และยังมีพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นหลังการปรับปรุงพื้นที่ของศูนย์การค้าทยอยแล้วเสร็จ เช่น เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี เซ็นทรัลพลาซา เชียงราย เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว และเซ็นทรัลเวิลด์
นอกจากนี้ ในช่วงกลางปีหรือครึ่งหลังของปี 63 บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ วงเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปใช้ชำระหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดในปีนี้ ประกอบกับจะมีเงิดจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม ประมาณ 17,000 ล้านบาท ในช่วงเดือน มี.ค.2563 ซึ่งจะทำให้มีเงินสดรองรับต่อการขยายการเติบโตของบริษัท และชำระหนี้ระยะสั้นชั่วคราว
นางสาวนภารัตน์ กล่าวถึงแผนธุรกิจในระยะ 5 ปี (63-67) จะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 12% จากการรักษาอัตราการเช่าให้อยู่ในระดับที่ดี การรับรู้รายได้มากขึ้นหลังจากการทยอยปรับปรุงพื้นที่ของศูนย์การค้าต่างๆ และบริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 22,000-24,000 ล้านบาท เพื่อที่จะรองรับการขยายศูนย์การค้าแห่งใหม่ 15 แห่ง พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โรงแรม 10 แห่ง อาคารสำนักงานมากกว่า 2 แห่ง และโครงการมิกซ์ยูสต่างๆ ซี่งมีที่ดินรองรับแล้วประมาณ 1,000 ไร่ พร้อมทั้งมุ่งพัฒนาการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้