นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ (AP) เปิดเผยว่า แผนงานในปี 63 บริษัทวางเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 4 หมื่นล้านบาท จากปี 62 ที่มีรายได้ 2.49 หมื่นล้านบาท
บริษัทเตรียมรับรู้ยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จเตรียมส่งมอบ 4 โครงการ ซึ่งมี 2 โครงการร่วมทุน คือ LIFE ลาดพร้าว มูลค่า 8 พันล้านบาท เริ่มทยอยโอนในเดือน เม.ย.63 เป็นต้นไป, LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9.8 พันล้านบาทในช่วงไตรมาส 3/63 โดยทั้ง 2 โครงการมียอดขายแล้ว 93% ส่วนคอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาเองอีกจำนวน 2 โครงการ คือ ASPIRE สุขุมวิท-อ่อนนุช มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท เริ่มโอนเดือน ก.พ.นี้ และ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่า 2.9 พันล้านบาท เริ่มโอนประมาณไตรมาส 3/63
บริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในปีนี้กว่า 2.4 หมื่นล้านบาท จาก Backlog ที่มีทั้งหมดสูงถึง 5.19 หมื่นล้านบาท โดยโครงการแนวราบมูลค่าราว 8.38 พันล้านบาทจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 4.36 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดที่บริษัทพัฒนาเองมูลค่า 4.32 พันล้านบาทจะทยอยรับรู้ในปีนี้ราว 2.79 พันล้านบาท และโครงการร่วมทุนมูลค่า 3.92 หมื่นล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปีนี้ 1.37 หมื่นล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 66
ในด้านยอดขายในปี 63 บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3.35 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทำได้ 3.28 หมื่นล้านบาท โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 37 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4.71 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 33 โครงการ มูลค่ารวม 3.5 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.21 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวในครึ่งปีแรกจำนวน 19 โครงการ มูลค่า 2.32 หมื่นล้านบาท เป็นแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า 1.77 หมื่นล้านบาท
ในช่วง 8 สัปดาห์แรกของปีนี้บริษัททำยอดขายได้แล้ว 4.3 พันล้านบาท ยอดขายส่วนใหญ่มาจากโครงการแนวราบ 3.6 พันล้านบาท และคอนโดมิเนียม 700 ล้านบาท โดยบริษัทมองว่าโครงการแนวราบยังเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการซื้อสูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าในช่วง 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา โครงการแนวราบขายได้สูงเฉลี่ย 300 ล้านบาท/สัปดาห์
ขณะที่คอนโดมิเนียมยังทยอยขายได้เรื่อยๆ แต่ถือว่าตลาดยังซึมตัว เนื่องจากทำยอดขายลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 800 ล้านบาท แต่ถือว่ายังทำได้ดีแม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทยังไม่มีการเปิดขายโครงการใหม่
นายวิทการ กล่าวว่า การดำเนินงานในปีนี้บริษัทได้ยกระดับยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กรให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ภายใต้พันธกิจ EMPOWER LIVING คือ การดำเนินงานที่พร้อมสนับสนุนให้ทุกคนในสังคม สามารถเติมเต็มทุกเป้าหมายชีวิตได้ตามที่ปรารถนา ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิต ทั้งยังใช้เป็นเข็มทิศในการก้าวเดินให้กับพนักงานเครือ AP THAILAND GROUP มองเห็นเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนและเป็นภาพเดียวกันมากยิ่งขึ้น
โดยขับเคลื่อนผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญที่จะเป็นโรดแมพ ที่จะตอบสนองเป้าประสงค์หรือความปรารถนาในการดำเนินชีวิตของลูกค้าให้เกิดขึ้นจริงในเร็ววัน ได้แก่ 1. AP THAILAND VALUES มุ่งสร้างค่านิยมที่จะเป็นดีเอ็นเอสำคัญในการหล่อหลอมบุคลากรกว่า 2,000 คนภายใน 6 องค์กรเครือเอพี ให้มีพฤติกรรมที่พร้อมส่งมอบนวัตกรรมสินค้าและบริการที่ตอบสนองเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกันของลูกค้าได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์ที่สุด
2. MASTERPLAN FOR TOMORROW การเดินหน้าขยายขอบเขตในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งการอยู่อาศัยคุณภาพให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น 3. DESIGNING YOUR FUTURE การมุ่งแสวงหาความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบ หรือ Unmet Needs ของลูกค้า เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้า และนวัตกรรมบริการ หรือ Creative Solution ใหม่ๆ ที่มีคุณค่าและยกระดับชีวิตในวันนี้ให้ดียิ่งขึ้น และ 4. POWER OF ECOSYSTEM การสร้างระบบนิเวศที่จะช่วยสนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะดำเนินงานตามโรดแมพ MASTERPLAN FOR TOMORROW ด้วยการเดินหน้าขยายขอบเขตการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนางานก่อสร้างให้มีคุณภาพ ด้วยการเปลี่ยนวิธีการทำงานทั้งระบบไปสู่กระบวนการ BIM ที่ส่งผลให้ลูกค้าได้รับอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ ลดข้อบกพร่องที่อาจส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ด้วยความท้าทายที่เกิดขึ้นในโลกธุรกิจ ทั้งบทบาทของเทคโนโลยีที่เข้ามาดิสรัปหลายภาคธุรกิจ คู่แข่งจากนอกธุรกิจ (Unknown Unknown Competitors) ที่พร้อมจะเข้ามาแชร์ตลาด ด้วยความพร้อมทั้งเงินทุนและข้อมูลแบบที่ไม่ทันตั้งตัว ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ท่ามกลางความท้าทายต่างๆที่เกิดขึ้น คำถามคือ เราจะทำอย่างไรให้สินค้าหรือบริการที่พัฒนาขึ้นนั้น สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ตลอดจนนำพาองค์กรก้าวเดินไปสู่การเติบโต พร้อมการแสวงหาโอกาสใหม่ๆทางธุรกิจในเวลาเดียวกัน"นายวิทการ กล่าว