นายไพบูลย์ นรินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวในงานสัมมนา"ส่องหุ้นไทย 2020 : ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ" ภายใต้หัวข้อ "หุ้นไทยฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจซบ"ว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมาก จากปัจจัยกดดันระยะสั้นที่เข้ามากระทบต่อการความมั่นใจการลงทุน ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง โดยตลาดหุ้นไทยเผชิญกับแรงขายมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นไทยมาตลอดระยะเวลา 5 ปี ขณะที่นักลงทุนในประเทศที่ลงทุนระยะกลาง-ยาว ก็ลงทุนอยู่จำนวนน้อยมาก ทำให้ไม่มีแรงหนุนที่จะช่วยพยุงดัชนีตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ สิ่งที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทยต้องการผลักดันมากขึ้น คือ การส่งเสริมให้มีจำนวนนักลงทุนที่ลงทุนในระยะกลาง-ระยะยาวเพิ่มมากขึ้น จะเป็นหนึ่งปัจจัยช่วยผลักดันตลาดหุ้นไทยและทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้น จากเม็ดเงินลงทุนระยะยาวที่ตลาดหุ้นไทยยังขาดอยู่ ทำให้เมื่อเกิดปัจจัยกังวลเข้ามากระทบ เม็ดเงินส่วนใหญ่ที่เป็นเม็ดเงินลงทุนระยะสั้นก็จะไหลออกจากตลาด ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว
การสนับสนุนเพื่อสร้างการลงทุนระยะกลาง-ระยะยาวนั้น ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยก็จะเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาและทบทวนการนำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กลับมาใช้อีกครั้ง พร้อมกับให้สิทธิพิเศษทางภาษี หลังจากในอดีตที่ผ่านมาเม็ดเงินจากการลงทุนของ LTF ถือว่ามีบทบาทที่สำคัญในการช่วยผลักดันและพยุงดัชนีหุ้นไทยได้
นอกจากนี้สภาธุรกิจตลาดทุนไทยมองว่าภาครัฐควรมีการปรับลดอัตราการจัดเก็บภาษีจากเงินปันผล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการลงทุนระยะยาวเพิ่มขึ้น และในสถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก มองว่าภาครัฐจะต้องมีมาตรการที่ออกมาช่วยสนับสนุนตลาดทุน ควบคู่กับการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน โดยคาดหวังว่าการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ของภาครัฐบาล ก็อยากให้เป็นงบขาดดุลมากขึ้น เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ