นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในปี 63 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน และซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มเติมอีกกว่า 10,000 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน ด้วยการตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้ซื้อหนี้มีหลักประกัน 700-800 ล้านบาท และหนี้ไม่มีหลักประกันอีก 200-300 ล้านบาท โดยเชื่อว่าหนี้ด้อยคุณภาพในระบบมียังมีอยู่สูงเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ดังนั้นสถาบันการเงินจะทยอยขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจปล่อยสินเชื่อปีนี้ วางเป้าหมายปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 200 ล้านบาท แต่จะดำเนินการค่อยเป็นค่อยไปอย่างรอบคอบ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี โดยสัดส่วนรายได้ในปี 63 นี้ยังคงมาจากธุรกิจหลักหรือธุรกิจซื้อหนี้มาบริหารประมาณ 75-80% ธุรกิจให้บริการเร่งรัดหนี้สินประมาณ 15-20% และธุรกิจปล่อยสินเชื่อประมาณ 1-5% ของรายได้ทั้งหมด
"แนวโน้มยอดหนี้เสียในปีนี้คาดว่ายังคงมีเพิ่มมากขึ้น โดย NPL คาดว่าจะยังมีอยู่ในระบบจำนวนมาก จากสถาบันการเงินมีภาระตั้งสำรองตาม TFRS9 เพิ่มขึ้น เราคาดว่าจะมีหนี้เสียรวมทั้งระบบอยู่ที่ราว 5 แสนล้านบาท และเป็นหนี้ที่สถาบันการเงินจะปล่อยออกมาประมูลราว 2-3 แสนล้านบาท"นายสุขสันต์ กล่าว
ส่วนธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้คาดว่าจะมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นจากธุรกิจ Digital Money ที่ไม่มีหน่วยงานติดตามหนี้เป็นของตัวเองอีกด้วย และธุรกิจปล่อยสินเชื่อก็น่าจะสามารถปล่อยได้มากขึ้นโดยจะเน้นไปที่สินเชื่อที่มีหลักประกันประมาณ 80-90% และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน 10-20%
นายสุขสันต์ กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทในงวดปี 62 มีรายได้รวม 314.71 ล้านบาท (รวมกำไรจากการขายสินทรัพย์รอการขาย) เพิ่มขึ้น 19.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 262.38 ล้านบาท และมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลัก ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยแก่เงินให้สินเชื่อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 79.9% (รวมกำไรจากการขายสินทรัพย์รอการขาย) รายได้จากการให้บริการติดตามหนี้ 19.50% รายได้จากการปล่อยสินเชื่อ 0.60% ของรายได้รวม
บริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 163.95 ล้านบาท กำไรสุทธิสำหรับปีอยู่ที่ 111.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 85.44 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงปีก่อนซึ่งอยู่ที่ประมาณ 64.40% ของรายได้ โดยมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 37.7%
การเติบโตของรายได้และกำไรมีสาเหตุหลักมาจากธุรกิจซื้อหนี้มาบริหาร ซึ่งสามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมาย โดยมีรายได้และกำไรจากการขายสินทรัพย์รอการขายอยู่ที่ 251.55 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 14.5% ประกอบกับ ในปีนี้มีการตัดต้นทุนที่น้อยกว่าปีก่อน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อเข้ามาเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวน 1.78 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจเร่งรัดหนี้สินมีรายได้อยู่ที่ 61.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 19.93 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตจากปีก่อน 48.09% โดยสาเหตุหลักมาจากการติดตามจัดเก็บที่มากขึ้น รวมถึง ปริมาณงานและ/หรือจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
"ในปีที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ดีของบริษัททั้งในแง่ของรายได้และกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 62 ใช้งบลงทุนจำนวนประมาณ 667 ล้านบาทสำหรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในจำนวนประมาณ 13,900 ล้านบาท ส่งผลให้มูลหนี้คงค้าง ณ สิ้นปี 62 บริษัทมีพอร์ตหนี้บริหารอยู่ที่ 50,427 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันประมาณ 35,535 ล้านบาท และหนี้ที่มีหลักประกันประมาณ 14,892 ล้านบาท"นายสุขสันต์ กล่าว