นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 63 โดยเบื้องต้นบริษัทคาดว่ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) จะเติบโต 15-20% จากปี 62 ที่มี EBITDA อยู่ที่ 5,269 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการขายเติบโตหลังจากมีการผลักดันธุรกิจ Non-Oil ที่มีกำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ประกอบกับโครงการ Palm Complex จะสามารสร้างกำไรได้เต็มปี รวมทั้งบริษัทยังมีการขยายการให้บริการในธุรกิจแก๊ส LPG และการบริหารค่าใช้จ่ายให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
พร้อมกันนี้บริษัทยังได้มีการตั้งงบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 4,500-5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจน้ำมัน 3,900 ล้านบาท, ธุรกิจ Non-oil อยู่ที่ 600 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500 ล้านบาท และบริษัทยังมีการพิจารณาการลงทุนให้ใกล้เคียงกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน เพื่อสร้างความมั่นคงของสถานะทางการเงิน และยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มขององค์กรในระยะยาว เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี การพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 62 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,563 ล้านบาท เติบโต 150.60% จากปี 61 เนื่องจากมี EBITDA อยู่ที่ 5,269 ล้านบาท เติบโต 50.20% จากปี 61 มี EBITDA อยู่ที่ 3,509 ล้านบาท โดยมีปัจจัยการเติบโตมาจากค่าการตลาดที่กลับมาสู่ภาวะปกติ หลังการขอความร่วมมือในการตรึงราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐในปี 2561 รวมทั้งธุรกิจ Non-oil ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ทั้งนี้ในปี 62 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 120,027 ล้านบาท เติบโต 11.30% จากปีก่อน รายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 107,829 ล้านบาท จากปริมาณการขายในธุรกิจน้ำมันอยู่ที่ 4,681 ล้านลิตร เติบโต 19.40% จากปีก่อน ที่มีปริมาณการขายในธุรกิจน้ำมันอยู่ที่ 3,921 ล้านลิตร เนื่องจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น โดยในปัจจุบันบริษัทมีการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการ คิดเป็นสัดส่วน 93.70% ของปริมาณการขายทั้งหมด โดยในปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดผ่านช่องทางสถานีบริการเป็นเบอร์ 2 ของประเทศ