นางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) มั่นใจรายได้ปี 63 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,101 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่ของกำลังการผลิตที่มีการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 158.94 เมกะวัตต์ (MW)
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการเจรจาซื้อโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในประเทศไทยบริษัทหวังว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่ม 50-100 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 12 เมกะวัตต์ที่จะได้ข้อสรุปภายในเดือน มี.ค.นี้ และยังรอความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ในรูปแบบโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ที่มีขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ประเภทชีวมวล และชีวภาพ (พืชพลังงาน) โดยเฉพาะชีวภาพ(พืชพลังงาน) ซึ่งปัจจุบันมีการเตรียมพร้อมไว้แล้วหลายโครงการ
สำหรับโครงการในต่างประเทศ คาดหวังจะมีกำลังการผลิตเพิ่ม 100-200 เมกะวัตต์ ได้แก่ ในเวียดนาม ในปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการ 2 โครงการ กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ต่อโครงการ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีแรก โดยจะมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ทันที 1 โครงการ และโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง 1 โครงการ คาดว่าจะสามารถเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในปี 64
รวมทั้งโครงการในประเทศไต้หวัน ที่ปัจจุบันมีการเจรจาเข้าซื้ออยู่หลายโครงการ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอปัญหาเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จบลงก่อนถึงจะเดินทางเข้าไปตรวจสอบโครงการดังกล่าวก่อนที่จะมีการตัดสินใจเข้าซื้อโครงการ นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะพิจารณาเข้าซื้อโครงการเพิ่มเติมในประเทศญีปุ่น ช่วงครึ่งปีหลังโดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินโครงการโอนิโกเบ (Onikoube) กำลังการผลิต 154.73 เมกะวัตต์ หากโครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วเริ่มก่อสร้างแล้วก็เป็นตัวอย่างในการพัฒนาโครงการต่อๆไป
"ปัจจุบันเราอยู่ระหว่างดูในหลายๆโครงการ แต่อาจจะมีบางโครงการที่มีความล่าช้าไปบ้างจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเข้าตรวจสอบโครงการต่างๆได้ แต่อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติบริษัทก็เตรียมที่จะเข้าศึกษาและเจรจาเข้าซื้อโครงการต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือกว่า 500-600 ล้านบาทที่พร้อมจะลงทุน"นางสาวแคทลีน กล่าว