นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเกิดวิกฤติที่กระทบต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก แต่บริษัทจะยังคงเป้าหมายทางธุรกิจตามเดิม และคาดว่ายอดขายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยจะเติบโตสอดคล้องกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) มากที่สุด โดยมองว่าหากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คลี่คลายก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
"เราตั้งเป้าหมายนี้ไว้ก่อนสิ้นปี แม้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเจอวิกฤตค่อนข้างมากแต่จะไม่เปลี่ยนเป้า เชื่อว่าถ้าปีนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คลี่คลายได้ เป้าหมายนี้ก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ดีมองว่าตลาดบ้านจะได้รับผลกระทบของโควิด-19 ไม่มากนัก เพราะคนอยากซื้อบ้านใหม่ลดลงไม่มากเท่ากับธุรกิจศูนย์การค้าและโรงหนัง"นายไตรเตชะ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 63 ที่ระดับ 26,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 22,324 ล้านบาท แบ่งยอดขายเป็นโครงการแนวราบในกรุงเทพและปริมณฑล 32%, โครงการแนวราบในต่างจังหวัด 32%, โครงการแนวสูงในกรุงเทพและปริมณฑล 34% และโครงการแนวสูงในต่างจังหวัด 2%
ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 24,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ยอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 10,051 ล้านบาท และที่เหลือจะมาจากยอดขายคอนโดมิเนียม 4 โครงการใหม่ที่จะเริ่มโอนภายในปีนี้ อาทิ ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีแยกไฟฉาย มูลค่า 1,200 ล้านบาท เริ่มโอนในไตรมาส 3/63, ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู มูลค่า 1,860 ล้านบาท เริ่มโอนในไตรมาส 3/63, ศุภาลัย ไพร์ม พระราม 9 มูลค่า 780 ล้านบาท เริ่มโอนในไตรมาส 4/63 และศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 มูลค่า 10,000 ล้านบาท เริ่มโอนในไตรมาส 4/63
บริษัทคงแผนเปิดโครงการใหม่ 30 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการแนวราบในกรุงเทพ 13 โครงการ, โครงการแนวราบในต่างจังหวัด 12 โครงการ, คอนโดมิเนียมในกรุงเทพ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัด 2 โครงการ ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการทั้งหมดแล้ว
บริษัทยังตั้งงบลงทุนปีนี้ราว 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสำหรับการซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการในอนาคตราว 8,000 ล้านบาท มองว่าปัจจุบันราคาที่ดินมีการปรับตัวและมีความสมเหตุสมผลมากขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ บริษัทมีความพร้อมเข้าซื้อที่ดินที่เหมาะสมในราคาที่ดีขึ้นได้ ซึ่งในปีนี้จะเน้นการซื้อที่ดินในกรุงเทพและปริมณฑลมากกว่าต่างหวัด ส่วนที่เหลืออีกราว 12,000 ล้านบาทจะใช้สำหรับการก่อสร้างและพัฒนาโครงการในปีนี้
ด้านนายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร SPALI กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ระหว่างวันที่ 12 ก.พ.63 ถึง 11 ส.ค.63 มีวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท หรือเป็นหุ้นจำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.6% โดยจะซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจนถึงวันที่ 27 ก.พ.63 บริษัทซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 1.52% มูลค่ารวม 541,261,820 ล้านบาท