นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 62 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 2,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164 ล้านบาท หรือ 6.6% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,481 ล้านบาท ปี 62 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 64.15 ล้านบาท พลิกเป็นกำไรจากที่ปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 70.62 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกๆกลุ่ม โดยกลุ่มรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 7.8% เนื่องมาจากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปของโครงการภาครัฐและเอกชนสูงขึ้น และการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ส่งผลให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับกลุ่มรายได้จากการให้เช่าและบริการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 113.9% สาเหตุจากการให้เช่าและบริการรถขนส่งสินค้าประเภทคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-Mixed Concrete) อีกทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย บมจ.สมาร์ทคอนกรีต (SMART) ปรับตัวดีขึ้นมาก
นายอาทิตย์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ประมาณ 2,800 ล้านบาท หรือเติบโต 10% สัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20%โดยมองว่าความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตมีแนวโน้มที่ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนงานโครงสร้างพื้นฐาน โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เริ่มทยอยดำเนินงานก่อสร้าง อีกทั้งยังมีโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานถนน งานอาคารสำนักงาน ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนทรงตัว
แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นการปรับโมเดลธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-Mixed Concrete) เนื่องจากเทรนด์การก่อสร้างในปัจจุบันใช้ระยะเวลาที่สั้นลง ต้องปรับกลยุทธ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะมุ่งเน้นการให้บริการที่ครอบคลุมและคล่องตัว เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขัน เพิ่มความสามารถในการทำกำไร
ด้านสินค้า Precast ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ออกสินค้านวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ งานถนน งานสะพาน ซึ่งมีความต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคตะวันออก
ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,700 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปีครึ่งแบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60% โดยบริษัทจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคตเพื่อรักษาระดับ Backlog ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,800 ล้านบาทในทุกขณะ ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งงบสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไว้ที่ประมาณ 60 ล้านบาท